เชียงใหม่ยังไม่พ้นวิกฤติ น้ำท่วมขยายวงกว้างไม่หยุด ทะลักท่วมถึงถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เป็นเหตุให้ต้องปิดถนนขาเข้าเมือง  ปภ.ระดมจนท.ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ขณะที่ มท.4 ลุยสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้กับผู้ประสบอุทกภัย

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.67 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ส่วนหน้า (ศปช.ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย นำคณะลงพื้นที่ติดตามการสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมี นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายดำรงศักดิ์ ยอดทองดี รองผวจ.เชียงราย นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ เนื่องจากบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรถูกน้ำกกล้นตลิ่งหลากซัดทำให้บ้านเสียหายลายหลังคาเรือน โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สั่งการให้เรือนจำกลางเชียงรายนำเจ้าหน้าที่พร้อมผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ใกล้จะพ้นโทษ มาร่วมสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้กับผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งบ้านน็อคดาวน์หลังแรก ทางผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย ได้กำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 15 ต.ค.67 และจะเร่งดำเนินการสร้างหลังต่อๆไปให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย
 

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่แม่น้ำปิงล้นตลิ่งยังคงขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา น้ำได้ไหลเข้าท่วมจนถึงถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำพูน และยังไหลทะลักไปตามแนวถนนจนถึงเขตอ.สารภี ซึ่งตั้งแต่เช้าวันเดียวกันนี้พบว่าถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำพูน ขาเข้าเชียงใหม่ ถูกน้ำท่วมสูงและไหลแรงหลายจุดจนรถไม่สามารถสัญจรได้และต้องทำการปิดเส้นทางให้รถวิ่งสวนกันทางขาออกเชียงใหม่ ทำให้การสัญจรเข้าออกจังหวัดเชียงใหม่ค่อนข้างติดขัดอย่างหนัก เนื่องถนนหลายสายในตัวเมืองเชียงใหม่ต่างถูกน้ำท่วมและต้องปิดใช้เส้นทางเช่นกัน
 

ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า พบสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวม 76 อำเภอ 337ตำบล 1,561 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 34,373 ครัวเรือน ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง
     

ทั้งนี้ ปภ.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง และปักหลักช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง