วันที่ 6 ต.ค.67 นางสุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี อยู่หมู่ 7 บ้านดงหลวง ต.บึงทวาย อ.เต่างอย จ.สกลนคร เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวให้ช่วยตามคดีของลูกชายคือ นายธีรวุธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยหนึ่งใน จ.สกลนคร ได้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน เหตุเกิดที่หอพักแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครสกลนคร เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 โดยลูกชายหน้าตาดีมีอาชีพเสริมเป็นนักดนตรี ก่อนเกิดเหตุกล้องวงจรปิดในหอพักบันทึกว่าลูกชายได้กลับเข้าหอพักพร้อมเพื่อนสาวคนสนิท ในเวลากลางคืนประมาณ ตี 2 จากนั้นทั้งคู่ได้มีปากเสียงคล้ายทะเลาะกันภายในห้อง ได้ยินเสียงจากกล้องวงจรปิดผู้ตายบอกว่าเอาเลย จากนั้นมีเสียงดังคล้ายเสียงปืน 1 นัด และเพื่อนสาวคนสนิทได้กรีดเสียงร้องดังเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นลูกชายยังไม่เสียชีวิต จนตำรวจและกู้ภัยนำร่างส่ง รพ.สกลนคร ต่อมาจึงได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.66 เนื่องจากที่ศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66

ต่อมาตนได้พยายามติดตามคดีกับ พงส.มาตลอด ขอดูวงจรปิดซึ่ง พงส.บอกว่าให้ดูไม่ได้เพราะจะเสียรูปคดี ในหอพักมีกล้องวงจรปิด 4 ตัว ถ้าดูได้ทุกตัวจะเห็นมุมหน้าต่างว่ามีใครเข้าออก  และ พงส.ยังแจ้งตนว่าเครื่องตรวจคราบเขม่าดินปืนเสีย ต้องส่งไปตรวจที่ จ.นครราชสีมา ต่อมา พงส.ได้แจ้งเมื่อเดือนกันยายน 2567 ว่าผลตรวจมาแล้ว ไม่พบว่ามีคราบเขม่าดินปืนในมือผู้ตาย และไม่พบคราบเขม่าดินปืนในมือเพื่อสาวคนสนิทด้วย ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าหรือจะมีบุคคลที่ 3 อยู่ภายในห้อง เนื่องจากที่หน้าต่างห้องพักไม่มีลูกกรง แต่ห้องอื่นๆ มีลูกกรงครบ และตอนนี้เพื่อนสาวคนสนิทก็ได้บินไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว

ทั้งนี้ ตนรู้สึกคาใจมากทำไมถึงทิ้งคดีมานานถึง 9 เดือน อยากร้องเรียนผ่านสื่อให้ช่วยด้วย เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ แม้แต่กู้ภัยที่เข้าไปเก็บศพเมื่อเห็นศพแลพสิ่งปวดล้อมก็ยังพูดว่าไม่น่าจะทำตัวเอง และเคยไปหาร่างทรงซึ่งน่างทรงมีอาการแปลกๆคล้ายผีเข้าบอกว่ากูยังไม่อยากตาย จึงเขื่อว่าต้องมีบุคคลที่สามทำให้ตาย