เมื่อวันที่ 6 ต.ค.67 น.ส.วนิศา อายุ 34 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ จากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากถูกตำรวจ สน.สำโรงใต้ โกงเงิน 30,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ลูกหนี้ของเธอฝากให้มาใช้หนี้ผ่านตำรวจ
โดยผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองทำธุรกิจโรงกลึง ในอำเภอแพรกกระสา จ.สมุทรปราการ แต่เมื่อปี 2564 มีลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเช็คเด้งมูลค่า 642,252.10 บาท ให้กับเธอ เธอจึงไปได้แจ้งความดำเนินคดีที่สน.สำโรงใต้ โดยมี ร.ต.อ. รองสารวัตรสืบสวนสอบสวนท่านหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าวและมีการเจรจาไกล่เกลี่ย จนคู่กรณียอมชดใช้เงินคืนให้เต็มจำนวนและทำบันทึกข้อตกลง ตั้งแต่ ตุลาคม 2566 โดยทุกครั้งที่ผ่านมาลูกหนี้นำเงินมาคืนจะต่อหน้าตำรวจ และเธอจะแบ่งเปอร์เซ็นรองสารวัตร 10%ของยอดเงินทั้งหมด
ผู้เสียหายยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลย ลูกหนี้ใช้หนี้ได้เกือบ 3 แสนบาทแล้ว กระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอไม่สามารถติดต่อรองสารวัตรได้เลย ถึงเดือนกันยายน อดีตสามีของเธอไปสอบถามจากลูกหนี้คนดังกล่าวถึงเงินที่เหลือ ก็บอกว่านำเงินมาฝากไว้กับตำรวจแล้วตั้งแต่ 22 กรกฎาคม จำนวน 2 หมื่นบาท และเมื่อวันที่ 6 กันยายน จำนวน 10,000บาท เธอและอดีตสามีก็งง และพยายามติดต่อไปสอบถามยังรองสารวัตรคนดังกล่าว จนเจ้าตัวยอมรับว่าเงินอยู่ที่ตนจริง 30,000 บาท และนัดไปเอาสิ้นเดือนกันยายน เพราะลูกหนี้จะเอาเงินมาใช้เพิ่มอีกก้อนหนึ่ง
แต่พอถึงสิ้นเดือนกันยายน ตำรวจคนดังกล่าวก็ไม่ติดต่อมา ทำให้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินและไม่สามารถติดต่อตำรวจได้ ทำให้เธอกังวลว่าจะไม่ได้เงิน 30,000 บาทคืน และทำให้ลูกหนี้ใช้เป็นข้ออ้างในการเบี้ยวไม่จ่ายหนี้ที่เหลือจนหมดอายุความ
โดยนายเอกภพ กล่าวว่า ความจริงแล้วตำรวจไม่ควรรับเงินจากผู้เสียหาย แต่ตนเข้าใจว่า 10% ผู้เสียหายเต็มใจจะให้เป็นสินน้ำใจ จึงขอให้รองสารวัตรนำเงินมาคืน เพราะเข้าข่ายความผิดฐานยักยอกเงิน