ศึก 2 เจ้าสำนักยังไม่ถึงจุดไคลแม็กซ์!!  เมื่อ “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร แห่งสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้าใช้เคล็ดวิชาเร้นกาย หายไปจากหน้าสื่อ ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

จนมีข่าวลือข่าวปล่อยออกมามากมาย เพราะผิดปกติวิสัย จนพากันลือไปต่างๆนานาว่า เห็นที “ลุงโทนี่”จะจรลีหลบหนีไปอีกครา

ทว่าเช็กลึก เจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้านั้นไม่ได้หนีไปไหน  แค่โลว์โปลไฟล์ ถอยฉากไปอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ “แสงสปอตไลต์” ฉายส่องไปที่ นายกฯลูกสาว “อิงค์”แพทองธาร ชินวัตร เรียกว่าให้ซีน หรือไม่แย่งซีน ลูกสาวเท่านั้นเอง

เพราะในช่วงที่โลว์โปลไฟล์นั้น เขายัง “ไฮโปรฟิต” บ้านจันทร์ส่องหล้ายังคงเคลื่อนไหวเดินแผนค้ำบัลลังก์นายกฯหญิง วางขุมกำลัง “พี่เลี้ยง” คุมกองทัพอัพเลเวลป้องกัน “ไข่ในหิน”  ขณะตัวเจ้าสำนักเองก็ยังรับแขกมาเยือนชนิดหัวบันไดไม่แห้ง

ในขณะเดียวกันการ นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว  ก็มาถูกที่ถูกเวลาที่เรตติ้ง นายกฯลูกสาวเริ่มกระเตื้องขึ้น  เห็นได้จากนิด้าโพลล่าสุด สะท้อนชื่อของ “อิ๊งค์” มาเป็นอันดับ 1 บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 31.35 ขณะที่ “เท้ง”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ตามมาในอันดับที่ 3 ร้อยละ 22.90

ทำให้สถานการณ์ของเจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นต่อเจ้าสำนักบ้านป่ารอยต่อ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ที่เมื่อหันไปดูแนวรบของ บ้านป่ารอยต่อ ที่ส่ง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไล่หวด “กล่องดวงใจ” ของเจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้า สารพัดเรื่องร้องเรียนประเคนใส่ นายกฯหญิง ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ในจังหวะสาดอาวุธใส่เขาเพลิน เจอหมัดสวนเข้าไป เล่นเอาลมปราณแตกซ่านไปเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็นกรณีคลิปเสียงที่ออกมาดิสเครดิต ตามมาด้วยข่าวที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกมาปูดว่าจะมีสส.อีก 8 คน ทิ้ง “ลุงป้อม” บ้านป่ากลับไปหาบ้านเก่าคือพรรคเพื่อไทย

โดยมีทั้งกลุ่มเพชรบูรณ์ ของ สันติ พร้อมพัฒน์ และกลุ่มของวราเทพ รัตนากร ที่เรียกได้ว่า เข้าสู่กระบวนการย่อยสลายพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ก็ตามไล่บี้ประเด็นจริยธรรมสส. กรณีไม่ไปประชุมสภาฯ ของ “ลุงป้อม” จนล่าสุด “ลุงป้อม”ต้องแก้เกมด้วยการประกาศไม่รับเงินประจำตำแหน่งสส.ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 และส่งเงินที่เคยได้มาตั้งแต่เป็นสส.คืนให้เลขาธิการสภา ฯ

สะท้อนให้เห็นถึงจังหวะเพลี่ยงพล้ำและถอยร่น รวมทั้ง  “บารมีถดถอย” ...

ทำให้นักวิเคราะห์ทางการเมืองประเมินสถานการณ์และโอกาสของ “ลุงป้อม” ที่จะก้าวมาเป็น “เบอร์1” ตีบตัน

“เชื่อว่าลุง เองก็คงรู้แล้วว่า ถึงอย่างไร ตัวเองก็คงไปต่อไปไม่ได้แล้ว เรียกว่าเรื่องเป็นนายกฯนั้นหมดโอกาส แต่ที่จะทำคือการแก้แค้นคืน การจัดการคว่ำรัฐบาลจะไม่ทิ้งไป” “เสธ.แมว”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร (สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ฉบับประจำวันเสาร์ที่21 กันยายน -วันศุกร์ที่ 27 กันยายน2567)

นั่นทำให้มองกันว่า “ลุงป้อม”มีแต่จะนับถอยหลังและเตรียมตัวลง

แต่แม้ฝ่ายค้านจะอ่อนกำลังลง กระนั้น เจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้าก็ยังมี “จุดอ่อน” ที่อาจเพลี่ยงพล้ำต่อกระบวนท่า  “นิติสงคราม”!!

โดยเฉพาะชนักปักหลังเรื่องชั้น 14 ที่ ผลสอบของกรรมการสิทธิมนุษยชน ชี้ว่าป่วยทิพย์ ส่งถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช. ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จ โดยรอผลสอบจากแพทยสภาเท่านั้น

ที่หากว่า ผลสอบของแพทยสภาออกมาว่า ไม่ได้ป่วยหนักจริง ถึงขั้น ไม่มีเหตุต้องนอนรักษาตัวบนชั้น 14 ป.ป.ช.เดินหน้าสามารถชี้มูลความผิดได้เลย

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในฝั่งของแผงอำนาจพรรคเพื่อไทย ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทีมเสธ.บ้านป่ารอยต่อ ก็ออกมาอ้าง “แหล่งข่าว” เล่าว่า ดีเดย์วันที่ 10 ตุลาคม 2567 จะเกิดจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรคเพื่อไทย ที่เฝ้าจับตากันว่าจะเกี่ยวข้องกับปมยุบพรรคหรือไม่

ที่หากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นจริง ย่อมกระทบต่อหัวหน้าพรรค นั่นคือ “แพทองธาร”ให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปด้วย และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง

กระนั้น ดูเหมือนว่า ฝั่งเจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังมีเวลา “สู้”อีกยาว ในขณะที่ฝั่งเจ้าสำนักบ้านป่ารอยต่อนั้น อาจปิดฉากเร็วกว่าที่คิด!!