หลังจากที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัด ภาคกลางได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ ต.บ้านกลาง อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พบน้ำท่วมขังบ้านเรือน จำนวน 17 หลังคาเรือน สาเหตุเนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันทำให้มีน้ำท่วมขัง เป็นจุดพื้นที่ต่ำ รอบๆได้มีการถมดินสูงขึ้น จึงทำให้น้ำไม่มีทางไหลออก ขณะเดียวกันร้านอาหารชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดปทุมธานีได้ถูกน้ำท่วมขัง บางร้านต้องปิดหรือหยุดดำเนินการชั่วคราว ภาพรวมในพื้นที่ลุ่มของปทุมธานีตอนนี้พื้นดินรับน้ำไว้อิ่มตัวแล้ว มีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำทั่วไปหมด  ซึ่งถ้าหากมีพายุลูกใหม่เข้ามาและฝนตกหนัก น้ำอาจจะล้นท่วมชุมชนหรือบ้านเรือนประชาชนหรือถนนหนทางได้  หน่วยงานราชการได้นำเครื่องสูบน้ำมาทำการสูบน้ำออกเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอีกปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงมาคาดว่าจะมีปริมาณมากกว่าปี 54 ที่ปทุมธานี ท่วมหนักทั้งจังหวัด

นางสุขาวดี  คล้ายอ้น ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลบางขะแยง กล่าวว่า เทศบาลตำบลบางขะแยงมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยายาวถึง 4 กิโลเมตร มีสถานที่สำคัญมากมายตั้งแต่ วัดน้ำวนวัดชินฯ ถึงพระตำหนักจักรีบงกช ขณะนี้จุดเสี่ยงเราได้นำกระสอบทรายไปปิดกั้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม หากน้ำมาชาวบ้านริมน้ำจะแจ้งเข้ามาที่เทศบาลฯ เรากับชาวบ้านร่วมกันกรอกกระสอบทราย รวมถึงตั้งเวรยามเฝ้ากันทั้งคืนจนกว่าน้ำจะลดระดับลง

ทั้งนี้เทศบาลเราเป็นหน่วยงานที่ยังเล็ก แต่ดูแลพื้นที่ยาวที่ติดแม่น้ำ จึงมีความจำเป็นต้องอาศัยหน่วยงานอื่นเพื่อช่วยเหลือเราด้วย ปีที่ผ่านมาทาง อบจ.ก็ช่วยเหลือทางเทศบาลเยอะ ซึ่งอดีตที่ผ่านมาเทศบาลเรามีท่าทรายอยู่ 2 ท่า แต่ทรายมาส่งให้เราไม่ทัน ที่เรารอดมาได้เพราะเราจึงขอสนับสนุนไปที่ อบจ. ได้ช่วยเหลือทรายมา จนทางเราสามารถควบคุมระดับน้ำได้ หากกระสอบทรายเราขาดก็สามารถสนับสนุนได้ตลอดเวลาเลย นอกจากนี้ยังประสานเอกชนมาบริจาคข้าวสารและอาหารกล่องเพื่อมาช่วยเหลือชาวบ้านและทีมงานตลอดจนจบภารกิจ สำหรับบ้านที่จมน้ำ ทาง อบจ.ก็ให้เราเบิกโฟมกับเรือเพื่อให้ชาวบ้านใช้อาศัยหรือวางของเพื่อไม่ให้ของจมน้ำ หลังจากที่ได้รับแจ้งจาก ปภ.ทางเทศบาลได้เตรียมการป้องกันไว้เบื้องต้นโดยการเตรียมเครื่องสูบน้ำที่ประตูน้ำต่าง ๆ รวมถึงได้เรียงกระสอบทรายกั้นป้องกันระดับน้ำในจุดที่ต่ำหรือจุดที่น้ำจะท่วมแน่นอน หากมวลน้ำจะมาสูง 1-1.5 เมตร ตามที่ ปภ.แจ้ง ก็รู้สึกหนักใจเพราะเรายังไม่มีการประสานมาจากหน่วยงานไหนในการเตรียมพร้อมรับมือเราก็คงต้องอาศัยกำลังจากชาวบ้านช่วยเสริมกระสอบทราย

“ปีนี้เรายังไม่รู้จะประสานกับอบจ.ได้อย่างไร เนื่องจากทาง กกต.ยังไม่รับรอง ปีที่แล้ว นายก อบจ. ท่านลงมาดูด้วยตัวเองเลย พร้อมสอบถามแต่ละจุดว่าเป็นอย่างไรจำเป็นต้องเสริมอะไรอีกหรือไม่ หากพบว่าเครื่องสูบน้ำเสียก็ประสานงานแก้ไขได้ทันที ในปีนี้เรายังไม่ได้รายงานในส่วนที่ต้องการไปด้วย เพราะว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติ หากถึงขั้นวิกฤติก็ตอบไม่ได้เพราะว่าทาง อบจ.ยังไม่มีผู้บริหาร ทำให้ทางเทศบาลฯก็เหมือนขาดที่พึ่งไป เพราะว่าปีที่ผ่านมาก็พึ่งท่านทุกอย่างเลย ทั้งแต่ทราย กระสอบ อุปกรณ์บรรเทาทุกข์ของประชาชน ถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง เราก็เข้าใจว่าทาง กกต.ทำงานเต็มที่ แต่เราก็อยากให้รวดเร็วเพราะว่าชาวบ้าน จะได้มีที่พึ่ง เนื่องจากมีผู้บริหารสั่งการได้รวดเร็ว” นางสุขาวดี กล่าว

ขณะที่ พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ว่าที่นายกอบจ.ปทุมธานี เชิญผู้เชี่ยวชาญปรึกษาหารือเตรียมรับน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมปทุมธานี และเดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำ ที่สถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากมวลน้ำเหนือที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทปล่อยสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และน้ำทะเลหนุนสูงจะกระทบบ้านเรือนที่อาศัยริมน้ำเจ้าพระยาทางจังหวัดปทุมธานีและใกล้เคียง  โดยมี รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ , นายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา , ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต เจ้าของพื้นที่ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา , นายพีระศักดิ์ พงษ์พุฒิพัษฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านปทุม เจ้าของพื้นที่ต่ำสุดของจังหวัดปทุมธานี ร่วมประชุมหารือแนวทางป้องกันน้ำท่วมจากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมวลน้ำเหนือที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทปล่อยสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และน้ำทะเลหนุนสูงกระทบบ้านเรือนที่อาศัยริมน้ำเจ้าพระยา

นายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี เขต1 กล่าวว่า อดีตในปี 54 เดือนสิงหาคมเดือนเดียวพายุเข้า 5 ลูก และกลัวน้ำท่วมกรุงเทพฯจึงไม่ให้น้ำผ่าน จึงกักน้ำไว้ด้านบน สะสมน้ำไว้เยอะเมื่อพายุเข้าอีกก็จบจึงเกิดน้ำท่วมหนัก จากประสบการณ์ในอดีตการบริหารจัดการน้ำ ต้องทำให้น้ำลงทะเลให้ไวและมากที่สุด จากปัญหาฝนตกภาคเหนือ และมีน้ำท่วมหลายจังหวัด มีปริมาณน้ำมาก จึงต้องมีการเร่งระบายน้ำ โชคดีที่มีการเว้นช่วง ซึ่งพายุที่เข้าเชียงใหม่ น้ำก็จะไหลเข้าสู่เขื่อนภูมิพล แต่ก็ไม่ได้เยอะมากส่งผลให้มีน้ำท่วมบางพื้นที่ ซึ่งจากการคาดการณ์น้ำเหนือมวลนี้ อาจจะถึงจังหวัดสุพรรณบุรีภายใน 15 วันและ 20 วันถึงจังหวัดปทุมธานี จึงต้องวางแผนการป้องกัน ซึ่งต้องประสานกันตั้งแต่จังหวัดต้นน้ำและจังหวัดปลายน้ำสถานการณ์ยังคงต้องเฝ้าดูว่าพายุที่จะเข้ามาจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากไม่เตรียมตัวเมื่อมีพายุเข้าฝนตกหนักมวลน้ำจากภาคเหนือไหลลงมาน้ำทะเลหนุน จะมีจังหวัดหลายจังหวัดเดือดร้อนและบ้านเรือนประชาชนรวมถึงพื้นที่เกษตรจะเสียหายจำนวนมาก

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทปล่อยน้ำมาในปริมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หลังจากที่มีพายุซูลิกเข้ามาทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สามเงา แม่น้ำวัง และ แม่น้ำยม อ.วังชิ้น ผ่านสุโขทัยมา มวลน้ำเหล่านี้จะมารวมที่เขื่อนเจ้าพระยา จึงต้องบริหารความเสี่ยงโดยดูจากการระบายน้ำสูงสุดที่เขื่อนเจ้าพระยาในปริมาณเท่าไร วันนี้เราเตรียมการในระดับ 2,500 ไว้ก่อน ซึ่งกระทบประชาชนแน่นอน เพราะขณะนี้ปล่อยมา 2,000 เหลือช่องว่างแค่ 500 เอง 2 ถึง 3 วันนี้มีพายุเข้าที่ภาคเหนือ ฝนจะตกหนัก สิ่งเหล่านี้เป็นความเสี่ยง เราจึงต้องบริหารเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ปริมาณ 2,500 ก็จะใกล้เคียงกับปี 64 และปี 65 ประชาชนที่เคยประสบกับน้ำท่วมเมื่อปี 65 ก็ต้องติดตามสถานการณ์ ส่วนในงานต่าง ๆ ผมคิดว่าทาง อบจ.ทางเทศบาล จากนี้มีเวลา 15-20 วัน เตรียมรับน้ำเพราะวันที่ 20 ตุลาคม 2567 น้ำทะเลจะหนุนสูงที่สุด จังหวะน้ำเหนือมาพอดีจึงเป็นประเด็นหลักที่เราต้องบริหาร ทุกวันนี้พื้นที่ให้น้ำอยู่มันไม่มี มันจะร่อยหรอไปเรื่อย ๆ จึงต้องประเมิน ในส่วนของน้ำทะเลหนุนนั้นได้เริ่มหนุนมาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2567 แล้ว แต่จะหนุนสูงสุดในวันที่ 19-20-21 ตุลาคม 2567 เป็นช่วงที่อันตราย ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ส่วนใหญ่ก็จะได้รับผลกระทบน้ำท่วมอยู่แล้วจึงต้องเฝ้าระวัง

พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า เมื่อปี 64 ปี 65 ที่รอดมาได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องเชิญหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทั้ง 2 ฝั่งเจ้าพระยาเอามาทำงานร่วมกัน เชิญ จ.นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยา และ กทม. มาร่วมประชุมกัน ทันทีที่ กกต. รับรอง ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ จะเชิญมาประชุมพร้อมกันเลย เพื่อให้ทุกคนแบ่งเบากันลงไป เรามาคุยกัน กรุงเทพฯ ปทุมฯ รับได้แค่ไหน ถ้าแค่นี่เรารับได้เราก็รับ แต่ต้องช่วยผันน้ำ หากทางนครปฐมเขาหนักก็ต้องผันน้ำลงเจ้าพระยา หรือผันออกนครนายกออกบางปะกงไป ในส่วนของรังสิต นายกโบลิ่งได้ประสานรังสิตเหนือรังสิตใต้ ควบคุมระดับน้ำในคลองรังสิตฯ ร่วมกับชลประทาน จะเห็นว่าตอนนี้ในคลองรังสิตยังไม่วิกฤติ ยังรับน้ำได้ แต่ต้องพร่องน้ำออกให้เยอะที่สุด เพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำ การที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช้จังหวัดใครจังหวัดมัน ต่างคนต่างป้อง ต่างคนต่างทำ ไม่มีทางอยู่ จึงต้องประชุมหารือบูรณาการร่วมกัน