นายก อบจ.สกลนคร เยี่ยมชมและให้กำลังใจกลุ่มแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา การแปรรูปเส้นกก เส้นไหล ทำเป็นกระเป๋า ของ"กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง" อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง บ้านจำปาทอง หมู่ 10 ตำบลหนองลาดอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ดร.ชูพงศ์ คำจวง นายก อบจ สกลนคร เยี่ยมชมและให้กำลังใจการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง ซึ่งมีนายมนตรี เย็นวัฒนา เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ที่ได้ดำเนินการ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากกกและไหล มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนกระทั่งมีผลประกอบการประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เป็นสินสินค้า OTOP ซึ่งสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับสมาชิก รวมถึงประชาชนในชุมชนและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสกลนคร ให้เป็นที่รู้จักในด้านงานหัตถกรรม ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 33 คน
นายมนตรี เย็นวัฒนา ประธานกลุ่มฯ เล่าให้ฟังว่า ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานและเข้าอบรมที่สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ครูช่างจากทั่วประเทศได้นำวัตถุดิบที่มีในพื้นที่แต่ละชุมชน มาทำการแปรรูป เช่น หญ้าลิเภา กระจูด ไหล ไม้ไผ่ และอีกมากมาย นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จึงคิดที่จะกลับมาฟื้นฟูภูมิปัญญา โดยเปลี่ยนจากการทำนา เพื่อแบ่งพื้นที่ปลูกไหล จำนวน 1 ไร่ โดยนำ “หน่อไหล” จาก อ.นาหว้า จ.นครพนม มาปลูก ซึ่งก็ได้ผล ปลูกเพียง 2 เดือนก็สามารถตัดและนำมาแปรรูปจำหน่ายได้ จึงได้ชักชวนคนที่มีความสนใจ และ มีความรู้ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากเส้นกก พร้อมจัดตั้งกลุ่ม และจดทะเบียนเป็น “วิสาหกิจชุมชนสายรุ้งนาวาทอง” เมื่อปี พ.ศ.2561
"ซึ่งแปรรูปได้หลายแบบโดยต่อยอดจากภูมิปัญญาเดิม มีแนวคิดนำเอาวัตถุดิบในชุมชน คือ เส้นคราม เส้นไหม มาฟั่น เพื่อทอผสมผสานกับเส้นไหล เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่แปรรูปภายใต้แบรนด์ “ไหลไหมคราม” เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมด้านภูมิปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี โดยนำเส้นกก และเส้นไหล มาแปรรูป เป็นกระเป๋าถือ เสื่อนั่ง เสื่อพับ ที่นวดมือเพื่อสุขภาพ และอื่น ๆ ส่วนที่มาของชื่อกลุ่ม สายรุ้งนาวาทอง “สายรุ้ง” เกิดจาก การเห็นสายรุ้ง หรือรุ้งกินน้ำ เกิดขึ้นจากแปลงนาที่ปลูกต้นกก“นาวาทอง”คือ เรือทอง เป็นสัญลักษณ์ของการค้าขาย จึงนำสองคำนี้มารวมกัน เป็น “สายรุ้งนาวาทอง” ปัจจุบันกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ทันสมัย จำหน่าย ทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้สมาชิกในชุมชน"นายมนตรี กล่าว