ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

สาธารณรัฐมอลโดวา ประเทศที่ค่อนข้างยากจน และเคยรวมอยู่ในสหภาพโซเวียต มีประชากรประมาณ 2.6 ล้านคน และมีเนื้อที่ประมาณ 301,334 ตร.กม. ไม่นับรวมทรานส์นีสเตรีย

ที่ตั้งของมอลโดวา อยู่ระหว่างยูเครนทางตะวันออก โรมาเนีย ทางตะวันตกและใต้ จึงไม่มีพื้นที่ออกทะเลดำ ส่วนทางเหนือก็ติดกับโรมาเนีย แต่อาจเดินเรือตามแม่น้ำดานูบผ่านโรมาเนียออกไปทะเลดำได้

ประเทศนี้มีปัญหา เรื่องดินแดนที่แปลกกว่าหลายประเทศแม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่มีแคว้นที่ปกครองตนเองอยู่ 2 แคว้น คือ กาเกาเซีย และทรานส์นีสเตรียหรืออีกชื่อว่า Pridnes Trovian โดยกาเกาเซีย หรือกากาอุซียา อยู่ทางด้านใต้ติดยูเครน ส่วน ทรานส์นีสเตรีย อยู่ทางตะวันออกตามตะเข็บชายแดนกับยูเครน ซึ่งทั้ง 2 แคว้นที่ปกครองตนเองนี้นิยมรัสเซีย และพูดภาษารัสเซียกับภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก

แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ประธานาธิบดีมายา แซนดู แห่งมอลโดวา ต้องการที่จะแยกตัวเองอย่างเด็ดขาดออกจากรัสเซีย ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหากับ 2 แคว้น ที่ปกครองตนเอง โดยเฉพาะการห้ามใช้ภาษารัสเซียในทั้ง 2 แคว้น และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ และเรื่องนี้จะกลายเป็นอาหารอันโอชะของ EU ซึ่งต้องการเข้ามามีบทบาทในมอลโดวา ที่มีแนวคิดจะขอสมัครเป็นสมาชิก EU อันอาจหมายถึงการเข้าเป็นสมาชิกนาโตในอนาคต

และนั่นคือสัญญาณอันตรายสำหรับรัสเซีย ซึ่งแน่นอนต้องเข้ามามี

บทบาทสนับสนุนเขตปกครองตนเองทั้ง 2 แคว้นนี้

ปัญหาข้อพิพาทของ ทรานส์นีสเตรีย หรือ Pridnes Trovian นั่นเกิดมากว่า 30 ปีแล้ว โดยทั้งรัสเซีย ยูเครนและ UN ต่างพยายามหาทางระงับข้อพิพาท โดยส่วนใหญ่ให้ความสนับสนุนมอลโดวา แต่ ทรานส์นีสเตรีย ไม่ยินยอม และขอเป็น รัฐอิสระ โดยมีเพียงประเทศที่แยกตัวเองจากจอร์เจีย 2 ประเทศ คือ อับคาเซีย และเซาท์ ออสเตเตีย กับ นากาโน คาราบัค ซึ่งทั้ง 3 รัฐมิได้เป็นสมาชิก UN และนากาโน สิ้นสภาพเป็นรัฐเมื่อปี 2023

อย่างไรก็ตามทรานส์นีสเตรีย นั้นมีความแนบแน่นกับรัสเซีย โดยนับถอยไปในสมัยสหภาพโซเวียต ได้จัดตั้งคลังอาวุธที่หมดอายุแล้วไว้จำนวนมาก และมีกองทหารประมาณ 7,500 คน ไปดูแลความปลอดภัยให้กับรัฐนี้ จนถึงปัจจุบัน และพื้นที่นี้ก็อยู่ในความสงบและสวยงาม โดยมีภาษาของตนเองโดยใช้อักษร Cyrillic จนปี 1989 มอลโดวา ได้เปลี่ยนไปใช้อักษรลาติน โดยที่ ทรานส์นีสเตรีย ยังคงใช้ภาษาถิ่น โดยเฉพาะชาวรัสเซีย และส่วนใหญ่จะพูดได้ 3 ภาษา คือ ภาษาถิ่น รัสเซีย และยูเครน และถือ 2 หรือ 3 สัญชาติ คือมอนโดวา ยูเครนแลัโรมาเนีย แม้กระทั่งมีธนบัตรของตนเอง และมีประชากรประมาณ 465,000 คน

ในศตวรรษที่ 18 แคว้นนี้นับอยู่ใน จักรวรรดิรัสเซีย ต่อมาในข้อตกลงสันติภาพระหว่างจักรวรรดิรัสเซียกับจักรกวรรดิออตโตมาน ซึ่งได้ครอบครองส่วนของ PMR ในปัจจุบัน จนถึงศตวรรษที่ 20 ประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย ของ USSR ได้อพยพย้ายถิ่นหนีการเร่งรัดด้านอุตสาหกรรมของโซเวียต เข้ามาอยู่ในดินแดนนี้

จนปี 2006 ได้มีการทำประชามติและประชาชน 97% ต้องการรวมกับรัสเซีย แต่มิได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนที่เป็นทางการจนปี 2014 ได้มีการส่งคำขอไปยังประธานาธิบดีขอเป็นรัฐอิสระภายใต้การอารักขาของรัสเซีย ซึ่งไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งนี้ 2 ปีก่อนหน้านั้นคือปี 2012 รมต.ต่างประเทศรัสเซียได้เคยกล่าวว่าแคว้น PMR ควรอยู่กับมอลโดวา แต่มีสถานะพิเศษที่รับรองโดยประชาคมระหว่างประเทศ และไม่เคยมีการรับรองอย่างเป็นทางการว่าทรานส์นีสเตรียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 มีนาคม หลังรัสเซียบุกยูเครนไม่นาน สภายุโรปได้ประกาศว่า รัสเซียใช้กำลังยึดทรานนิสเตรีย ซึ่งทั้งรัสเซียและทรานนิสเตรีย ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

ต่อมาประธานาธิบดีของ PMR คือ Vadim Krasnoselsky ได้อ้างว่าทางมอลโดวา มีการเตรียมการจะล้มล้างเอกราชของ PMR และได้ระดมกำลังเตรียมป้องกันพร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือจาก OSCE ด้านมอลโดวา นายกรัฐมนตรี Dorin Rechan ได้ตอบโต้ด้วยการประกาศว่าทรานส์นีสเตรีย ต้องเป็นเขตปลอดทหารและให้เคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ของรัสเซียออกไปจากแคว้น

ต่อในปี 2023 ทางการมอลโดวา ได้ออกกฎหมายใหม่หลายฉบับที่เกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดน อันถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งทางแคว้นทรานส์นีสเตรียคัดค้านการแก้ไขกฎหมายนี้ของรัฐบาลมอลโดวา โดยหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของแคว้นทรานส์นีสเตรียเรียกร้องให้มีการเจรจา เพราะการออกกฎหมายเช่นนี้เป็นการบีบบังคับเขตปกครองตนเองทรานส์นีสเตรีย

จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา หลังปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน ยุโรปและยูเครนให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อสถานภาพของทรานส์นีสเตรีย โดยเฉพาะความจริงที่ว่ามีกองทหารรัสเซียอยู่ในรัฐนี้ และภายใต้การกดดันของมอลโดวา รัฐ PMR ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย โดยเฉพาะการกดดันทางเศรษฐกิจ และโดยกฎหมายต่อทรานส์นีสเตรีย ซึ่งนายราสรอฟ รมต.ต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่าการปกป้องผลประโยชน์ของประชากร PMR เป็นหนึ่งในภาระสำคัญของรัสเซีย ที่จะต้องกระทำ

อนึ่งยุโรปและสหรัฐฯ กลับพยายามกล่าวโจมตีรัสเซียว่ามีแผนการก้าวร้าว ที่จะรุกรานยุโรป และต้องการควบรวมทรานนิสเตรีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องยากมากเพราะมียูเครนกั้นขวางอยู่ทั้งประเทศ

สถานการณ์ในทรานส์นีสเตรีย ยิ่งเลวร้ายลงไปเมื่อมีการก่อการร้ายในพื้นที่สำคัญๆ ของรัฐที่เคยสงบเงียบ มีการวางระเบิด วางเพลิง  และทำลายทรัพย์สินของทางการ โดยเฉพาะที่ตั้งของกองกำลังท

รัสเซีย ทั้งนี้ทางการ PMS ได้แจ้งว่ามีการฝึกฝนกันมาก่อนหน้านี้ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Dniester โดยก่อนหน้านี้ได้เคยส่งคำร้องไปยังเมืองหลวง Chisnau ของมอลโดวา แต่ก็มิได้มีคำอธิบายจนเกิดเหตุ

อย่างไรก็ตามได้มีการจับตัวผู้ก่อการร้ายได้ 2 คน และนำสืบไปจนถึงความเกี่ยวกันกับยูเครน และเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของมอลโดวา แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็จะดูเบาบางลง แม้จะยังคงสภาพอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ

ปีที่แล้วมีข่าวการปรึกษาหารือเล็ดลอดออกมาทางสื่อในยูเครน ถึงการใช้กำลังของยูเครนเข้าบดขยี้ทรานส์นีสเตรีย เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้มอลโดวา

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนจะยึดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่รัสเซียเก็บไว้ Kolbasna ในพื้นที่ PSR ซึ่งกองทัพยูเครนกำลังขาดแคลน

ข่าวนี้ถูกเปิดเผยโดยนักการเมือง Chisnau มอลโดวา ถึงแนวคิดดังกล่าวและคำประกาศของรัสเซีย ที่จะตอบโต้การกระทำดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริงอย่างสาสม

ในทางกลับกันรมต.ต่างประเทศอังกฤษได้เสนอให้สนับสนุนด้านอาวุธที่ทันสมัยให้มอลโดวา และตามด้วยการเสนอของมาครงที่ช จะให้เงินอุดหนุนจากกองทุนยุโรป 40 ล้านยูโร ซึ่งเป็น 2 เท่าของงบกลาโหม มอลโดวา ซึ่งแน่นอนได้รับการตอบรับอย่างดีจากประธานาธิบดี Maia Sanou ที่เชื่อว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของมอลโดวา

นี่จะเป็นอีกบริบทของความขัดแย้งที่จะบานปลายเหมือนยูเครน และหากมอลโดวาไม่เรียนรู้ ประเทศก็อาจจะถึงกาลพินาศ เพราะมันจะกลายเป็นสนามรบระหว่างรัสเซียกับนาโต อีกสนามหนึ่ง เพราะไปชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน