อช.กุยบุรี จับผู้บุกรุกป่าปลูกสับปะรด ย้ำขยายพื้นที่ในแปลงถูกดำเนินคดีและถูกตัดสิทธิ์ทำกิน
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ร่วมกันตรวจสอบแปลงที่ดินบริเวณท้องที่บ้านยางชุม หมู่ที่ 5 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ บริเวณพิกัดซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พบว่า มีการบุกรุกแผ้วถางเปิดพื้นที่ป่าใหม่เนื้อที่ประมาณ 1.39 ไร่ เพื่อปลูกพืชผลอาสิน โดยพื้นที่บุกรุกพบว่าเพิ่งจะปลูกสับปะรดเต็มพื้นที่ และมีการแผ้วถางป่าเก็บกวาดกิ่งไม้และวัชพืชรวมกองไว้และสุมเผา นอกจากนี้พื้นที่ข้างเคียงที่ติดต่อกับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนั้นเป็นพื้นที่ทำประโยชน์แปลงเดียวกันโดยไม่มีรั้วรอบขอบชิดกั้นอาณาเขตแบ่งแปลงแต่อย่างใด ทั้งนี้พื้นที่ที่บุกรุกได้ปลูกสับปะรดเป็นแปลงเดียวกัน ชั้นดินอายุเดียวกันปลูกพร้อมกันสภาพดินไถพร้อมกัน และต่อเนื่องกับแปลงที่สำรวจการครอบครองที่ดิน ในชื่อนายเจียน (สงวนนามสกุล) และเมื่อสอบถามจากราษฎรแปลงข้างเคียงได้ให้ถ้อยคำว่า นายเจียน เป็นผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวเพื่อปลูกสับปะรดเมื่อพิจารณาจากพยานเอกสาร พยานแวดล้อม ทั้งหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงเชื่อได้ว่านายเจียน เป็นผู้บุกรุก แผ้วถางพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อขยายพื้นที่ทำประโยชน์ของตนในการปลูกสับปะรด
จึงเป็นการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ดังนี้ 1. ฐาน “ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2584 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี 2. ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็น ผู้แผ้วถางป่านั้น” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2584 มาตรา 55 3. ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2517 มาตรา 14 และมาตรา 31 4. ฐาน “ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม”ตามมาตรา 19 (1) ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 41 5. ฐาน “เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ตามมาตรา 19 (6) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 44 6. ฐาน “เข้าไปดำเนินการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ” ตามมาตรา 19 (2) ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 42 นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.