ในหลวง-พระราชินี ทรงห่วงใยรับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ครู-นักเรียนทั้งประเทศ ยืนสงบนิ่ง ไว้อาลัยผู้เสียชีวิต  ศธ. สดุดี 3 คุณครูสละชีพจนวินาทีสุดท้าย  ทำประกาศเกียรติคุณ-เลื่อนเงินเดือนให้ 3 ขั้น พร้อมสั่งงดจัด ทัศนศึกษา ไม่มีกำหนด ส่วนรัฐบาลเยียวยาค่าทำศพรายละ 1ล้านบาท ทุพลภาพ 7 แสนบาท   นายกฯอุ๊งอิ๊ง สวมชุดดำไว้อาลัย พร้อมเรียกถกความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้  ขณะที่ พฐ.-กรมขนส่งฯ เร่งตรวจสภาพรถบัสหาสาเหตุเพลิงไหม้

     ความคืบหน้ากรณี ครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษา เกิดไฟไหม้ จำนวน 23 ราย เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
   

 ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ต.ค.67 น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ทาง จ.อุทัยธานีได้ประสานมูลนิธิไทยเศรษฐ์จัด เตรียมรถบัสจำนวน 6 คัน และรถตู้ 6 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์จากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมเดินทางไปรับร่างนำผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาตั้งบำเพ็ญกุศล 5 คืน ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป
   

 ด้าน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผวจ.อุทัยธานี กล่าวว่า เบื้องต้นตอนนี้เจ้าหน้าที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ สามารถดำเนินการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ครบแล้วทั้ง 23 ราย โดยหลังจากนี้ต้องให้กำลังใจผู้แกครอง และประชาชนในพื้นที่ทุกคน 
   

 ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณีดังกล่าว ทางโรงเรียนทั่วทั้งประเทศ ต่างยื่นไว้อาลัยให้กับคณะครูและนักเรียน ที่เสียชีวิตกับเหตุการณ์ดังกล่าว ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าเสียใจและความหดหู่ใจของคนไทยทั้งประเทศ  
 

   พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องคดีนั้นไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องที่ชัดเจนและเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่แล้ว ใครผิดอะไรก็ว่าไปตามผิด การหลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบ อุบัติเหตุก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสภาพความเสียหายของรถนั้นเป็นหน้าที่ของพิสูจน์หลักฐานในการดำเนินการ แม้ทางขนส่งจังหวัดอ้างว่ามีการตรวจสอบถูกต้อง แล้วก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าถูกต้องแบบไหน อย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องมาดำเนินการตรวจสอบอยู่ในรูปคดี
   

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ ญาติของน้องนักเรียน และประชาชนได้นำดอกไม้ ขนม นม น้ำหวาน มาวางตามจุดต่างๆ ที่บริเวณจุดเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิต และฟุตบาธ เพื่อเป็นการไว้อาลัย ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี
   

 ที่รัฐสภา  นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการคมนาคม กล่าวถึงเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ ว่า ได้ออกหนังสือด่วน เชิญอธิบดีกรมการขนส่งทางบก มาชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 3 ต.ค.นี้ เพื่อสอบถามรายละเอียด ว่ารถมีการดัดแปลงหรือไม่ การติดตั้งแก๊สเป็นอย่างไร แต่ไม่เห็นด้วยที่จะ ให้ยกเลิกนำเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษาดูงาน เพราะการพาเด็กนักเรียน ไปทัศนศึกษาเป็นประสบการณ์ตรง แต่ก็ต้องมีมาตรการในเรื่องของรถและคนขับรถด้วย
     

"ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไฟไหม้ฟางน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมีอะไรสักอย่าง พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะดูมาตรการกรมขน ส่งทางบกในเรื่องของการตรวจสภาพรถ ตรวจอย่างไรได้รับการอนุญาตอย่างไรบ้าง เมื่อก่อนยังมีการตรวจสภาพท่อไอเสีย กลับบ้านให้หยุดวิ่งบ้างแต่วันนี้เหมือนจะไม่เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้ว 
   

 ส่วน  พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวยืนยันว่า กระทรวงศึกษาฯจะดูแลครอบครัวผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังมีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในการดูแลของแพทย์อีก 3 คน ในส่วนของการเยียวยาครูที่เสียชีวิต และดูแลช่วยชีวิตเด็ก เราต้องเชิดชู และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการเข้าดูแลสุขภาพจิต ในส่วนของครูที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ได้มอบหมายให้คุรุสภาทำเรื่องประกาศเกียรติคุณคุรุสดุดี เพราะถือว่าครูทั้ง 3 ราย ที่เสียชีวิตได้ดูแลเด็กนักเรียนอย่างสุดความสามารถด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครูจนวินาทีสุดท้าย รวมถึงได้เลื่อนเงินเดือน 3 ขั้น ให้แก่ครูที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย
   

 เรื่องการทัศนศึกษาของเด็ก มีคำสั่งให้งดการจัดทัศนศึกษาทันทีไม่มีกำหนด ไม่จำเป็น ไม่ต้องไป ส่วนเด็กต่ำกว่า ป.4 ให้ยกเลิกการเดินทางทัศนศึกษาออกจากต่างจังหวัดทั้งหมด แต่หากมีความจำเป็น ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย แต่ถ้าโรงเรียนใดมีความจำเป็น ต้องดูเป็นกรณี แต่ต้องดูแลความปลอดภัยครู เด็กนักเรียนให้ครอบคลุมทุกมิติ ส่วนรถที่ใช้เดินทางไปทัศนศึกษา อายุการใช้งานไม่ควรเกิน 5 ปี ส่วนจะเป็นรถติดแก๊ส LPG หรือก๊าซ NGV ไม่ได้ห้าม ให้ดูที่สภาพรถเป็นหลัก รวมถึงต้องมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุทั้งครูและนักเรียน ประสานกรมขนส่งทางบกให้เข้าตรวจสภาพรถ ยางรถ อุปกรณ์ต่างๆ ก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น ส่วนกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือยังมีความจำเป็น ยังคงให้มีอยู่
   

 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้สวมชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน และก่อนจะเดินทางไปยังกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 3 (3rd Asia Cooperation Dialogue: ACD) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ระหว่างวันที่ 2 

4 ต.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร จะประชุมร่วมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. และอธิบดีกรมสุขภาพจิต เกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยรักษาการผบ.ตร. จะรายงานอัพเดตสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะกระทรวงสาธารณสุข โดยอธิบดีกรมสุขภาพจิต จะเสนอแผนการเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
 

   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ว่า สำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ซึ่งเราต้องเร่ง จ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งนายกฯได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด
     

 ในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ผมได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และผมได้สั่งการให้ผวจ.อุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน
   

 วันเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ ครั้งที่ 2/2567 เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จากกรณีเกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ระหว่างเดินทางไปทัศนศึกษา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น จำนวน 23 ราย เป็นนักเรียน 20 คน ครู 3 คน โดยคณะกรรมการฯ เห็นชอบมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต เป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท  2.กรณีทุพลภาพ รายละ 700,000 บาท  3.กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท 4.กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 100,000 บาท 
   

 ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และ การลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัสโรงเรียนจังหวัดอุทัยธานีเกิดเพลิงไหม้จนทำให้ครูและนักเรียนที่โดยสารมาบาดเจ็บและเสียชีวิตว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ,กลุ่มงานเคมีฟิสิกซ์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับกรมขนส่งทางบกลงพื้นที่ตรวจสอบรถบัสที่เกิดเหตุ โดยเน้นตรวจในส่วนของการติดตั้งถังแก๊ส NGV และ ประตูรถโดยสารว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตรงตามมาตรฐานและเอกสารที่จดแจ้งไว้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถบัสดังกล่าวมี ถังแก็ส NGV 10 ถัง ในรถ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าตัวถังแก็ส และระบบการติดตั้งอยู่ในสภาพใด การตรวจสอบต้องทำภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของผู้เชี่ยวชาญ สำหรับการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ร่างผู้เสียชีวิต 23 ร่าง ณ เวลา 10.30 น. มี 17 ราย ที่ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลแล้ว ในกลุ่มนี้ 11 รายอยู่ระหว่างแพทย์นิติเวชออกเอกสารรับรองสาเหตุการเสียชีวิตเพื่อที่จะส่งเอกสารไปสู่ขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่เขตปทุมวันและพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.)ปทุมวัน ออกใบมรณะบัตรเพื่อให้ครอบครัวรับร่างผู้เสียชีวิต ส่วน 6 รายที่ยังไม่มีการตรวจเอกลักษณ์บุคคลและเข้าสู่ขั้นตอนแพทย์นิติเวช คาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นในวันนี้