วันที่ 2 ต.ค. 67 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง และคณะแถลงข่าวตอบโต้น่าจะเป็นการแก้เกี้ยว แก้ตัว ออกมารับสารภาพว่ากระทำผิดจริง มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ไม่มีสาระ เหมือนขนมจีนมีแต่เส้นไม่มีน้ำยา และเห็นความไม่พร้อมของการทำงานในพรรคพลังประชารัฐที่เนื้อหาการแถลงข่าว หาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพรรคไม่ได้ แต่กลับให้คนที่อยู่นอกสภามาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แทนที่จะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จึงทำให้เห็นว่าวันนี้ พรรคพลังประชารัฐ ไม่เหลือ สส. ที่จะทำหน้าที่ปกป้องพล.อ.ประวิตรอีกต่อไปแล้ว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ ออกมาแถลงข่าวยอมรับที่จะแนะนำให้พล.อ.ประวิตร เดินทางมาทำหน้าที่ในสภามากขึ้น เท่ากับนายไพบูลย์ ยอมรับว่าการประชุมสภาในทุกวันพุธและวันพฤหัส เป็นหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็น สส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องอุทิศตนอุทิศเวลาในการทำหน้าที่ สภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่สนกระแสสังคมที่ถามหาความรับผิดชอบ ไม่มีความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกตามที่ตนร้องขอ แต่เลือกใช้วิธีการไม่รับเงินเดือน และแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินเดือนแทนที่จะมาทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย การเลือกที่จะคืนเงินเดือนหรือ การเลือกที่จะสละเงินเดือนหลังการขาดประชุม และภายหลังถูกร้องเรื่องจริยธรรมต่อสภาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ทำให้การกระทำซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว กลายเป็นไม่มีความผิด
"น่าจะเป็นมุขทางกฎหมายตื้นๆ ที่นายไพบูลย์และทีมกฎหมายให้คำปรึกษาใช่หรือไม่ เหมือนแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แต่งานนี้ตนมองว่า พล.อ.ประวิตร โดนฉมวกแน่ ถ้าเป็นผมจะให้คำแนะว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” จะมีศักดิ์ศรีและสง่างามสมชายชาติทหาร มากกว่าการเอาเงินมาคืนภายหลังความผิดสำเร็จแล้ว ลาออกเถอะ เพราะยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคน แต่นายไพบูลย์ กลับสร้างธรรมเนียมที่น่าจะไร้จริยธรรมใหม่ โดยการเรียกร้องให้ สส. ที่ลาประชุมบ่อยๆ ทำตามพล.อ.ประวิตร ยิ่งทำให้ตนแปลกใจใหญ่ว่า นายไพบูลย์ เป็นผู้คุมข้อบังคับพรรค กลับเรียกร้องให้นำกรณีพล.อ.ประวิตร ถึงคราวแล้วที่พล.อ.ประวิตรจะมีปัญหาหรือจบเกม ถ้านายไพบูลย์ คิดได้แค่นี้ขอเสนอให้พล.อ.ประวิตร ปลดนายไพบูลย์ ออกจากตำแหน่งดีกว่า" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า จากการแถลงข่าวแล้ว สอบตกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่กล่าวหาตนว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและรับงานแกนนำพรรคการเมืองมาร้องเรียนพล.อ.ประวิตร ทั้งที่ข้อเท็จจริงตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด และไม่ได้รับงานแกนนำพรรคการเมืองใด หรือไปรับจ้างใครมาร้องเรียน แต่ตนรับงานมาจากประชาชน เพราะประชาชนผู้เสียภาษีร้องเรียนมา ตนจึงต้องมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นเมื่อนายไพบูลย์ฯแจ้งให้ตรวจสอบพล.อ ประวิตรอย่างเต็มที่ ตนก็จะยื่นตรวจสอบเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ในการกระทำผิดกฎหมายและระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่างกรรมต่างวาระกัน โทษถึงจำคุกและปรับตัดสิทธิทางการเมือง ประพฤติผิดต่อจริยธรรม
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากตนได้ยื่นไว้เกี่ยวกับพฤติการณ์แห่งความผิดเป็นลักษณะน่าจะเป็น นักบุญทุนชาวบ้าน ทัวร์อย่างหรู กินอยู่สบาย สำหรับกรณีที่พล.ต.ท.ปิยะ และนายธีระชัย ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็ดี หรือเรื่องกองทุนวายุภักษ์ก็ดี ตนขอแนะนำพล.อ.ประวิตร มอบให้ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ตั้งกระทู้ถามรมว.คลัง หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในสภา จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายค้านที่แท้จริง การให้นายธีระชัย ออกมาทำหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ดูเหมือนผิดฝาผิดตัว เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง และน่าจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน นายธีระชัย ไม่ใช่ สส. ถ้าพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม สส. ยังมีอยู่ในพรรคไม่ได้หนีพรรคไปไหน นายธีระชัยจะให้ข้อมูลกับ สส. มาตั้งกระทู้ถามในสภา หรือจะให้พล.อ.ประวิตร ไปตั้งกระทู้เองในสภา จะกล้าไหม แสดงถึงวุฒิภาวะของคนเป็นผู้นำที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ การที่ออกมาแถลงข่าวดังกล่าว จึงเป็นเรื่องน่าจะประจานว่า เวลานี้พรรคพลังประชารัฐไม่มี สส. ที่จะทำหน้าที่เป็นปากเสียงหรือเป็นองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประวิตร อีกต่อไปแล้ว
"ผมขอยืนยันว่าการตรวจสอบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นเรื่องดี ประชาชนได้ประโยชน์ แต่สำหรับผมเรื่องจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” แต่พล.อ.ประวิตร ขาดประชุมจริงยังไม่สำนึกที่จะอุทิศเวลาทำหน้าที่ วันที่ 2 ต.ค.นี้ ก็ยังลาประชุมอีก ผมจึงไม่อาจที่จะหยุดการตรวจสอบได้จนกว่าพล.อ.จะมีความรับผิดชอบทางการเมือง และต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างแน่นอน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว