วันที่ 1 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง 7 แพ็คเกจแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน ว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ที่ตัวระบบถ้ามีความเห็นตรงกันกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะมาจากฝั่งสว.รัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคประชาชนยืนยันในตอนนี้ก็คือเรายืนยันว่าในเรื่องของมาตรฐานทางจริยธรรม มีปัญหาที่เราจะต้องไปแก้ไขเพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ที่พักไว้ก่อนเพราะว่าถ้าฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วยนะครับอาจจะทำให้การเดินหน้าต่อทั้ง 7 ฉบับทั้ง 7 ชุดทำให้ถูกตีตกไปทั้ง 7 ชุดเลยเราก็เลยพักไว้ 1 ชุดก็คือมาตรฐานทางจริยธรรม ยังเหลืออีก 6 ชุดที่เหลือเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน เช่นในเรื่องการยกเลิกบังคับการเกณฑ์ทหาร สิทธิการศึกษา สิทธิของประชาชนต่างๆก็อยู่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราอีก 6 แพ็กเกจอีก 6 ชุดที่เหลือด้วย ซึ่งอีก 6 ชุดที่เหลือ
"ผมเชื่อว่ารัฐบาลถ้าเห็นประโยชน์ ตรงกันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 6 ชุดดังกล่าว ในขณะเดียวกันเราก็ยังอยากยืนยันอีกครั้งว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถดำเนินการไปได้ทั้ง 2 ช่องทางพร้อมกันก็คือการแก้ไขทั้งฉบับ และแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่ง ณ ตอนนี้พรรคประชาชนและ ในกลไกของพรรคร่วมฝ่ายค้านเองเราก็จะมีการหารือกันในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 6 ชุดที่เหลือ ในส่วนของร่างแก้ไขมาตรฐานทางศีลธรรมเรายังยืนยันว่าสิ่งที่เราเสนอร่างแก้ไขนั้นเราแก้ไขในเชิงระบบไม่ได้แก้ไขมาตรฐานจริยธรรมของนักการเมืองเพียงอย่างเดียว
เรายังยืนยันว่านักการเมืองควรจะต้องมีมาตรฐานทางศีลธรรมเพียงแต่กลไกมาตรฐานทางจริยธรรมนั้นควรจะต้องเป็นกรรมการที่เราตรวจสอบการภายในองค์กรเอง ไม่ควรจะต้องถูกคุกคามจากองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่าง เช่นศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทั้งกำหนดกติกาเองแล้วก็บังคับใช้เองแล้วก็อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมืองในเหตุการณ์ที่ผ่านและเหตุผลว่าทำไมเราถึงพักร่างนี้ไว้ก่อนเพราะกลัวว่าจะถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปัดตกร่างที่เหลือ" นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะต้องแสวงหาแนวร่วมเพิ่มอย่างเช่น พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคใดก็ตาม เห็นประโยชน์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุน อีก 6 แพ็คเกจที่เหลือของพรรคประชาชน ที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันทั้งหน้าบ้าน หลังบ้านอยู่แล้ว ก็คิดว่าเป็นกระบวนการปกติ ยืนยันว่ายังไม่เห็นสัญญาณว่าไม่เห็น แต่อย่างที่ทุกคนเห็นตามหน้าสื่อ เหมือนเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ก่อนหน้าทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยมาโดยตลอด แต่ท้ายสุดก็มีการเปลี่ยนข้อคิดเห็นบ้าง จึงอยากให้ติดตามการประชุม ที่ผ่านมาก็พูดคุยมาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถพูดแทนพรรคอื่นได้ ตอนนี้ตอบได้ว่ายังไม่เห็นสัญญาณในเชิงไม่เห็นด้วย โดย 6 แพ็คเกจนี้ คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในช่วง ต.ค.
เมื่อถามว่าเรื่องร่าง พ.ร.บ.การจัดทำประชามติ ล่าสุด วุฒิสภา (สว.) ยืนยันแก้ไขแบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น ต้องถูกตีตกกลับมา สส. พรรคประชาชนมีจุดยืนอย่างไร นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลว่าการแก้ไขจะทำได้ไม่ทันการเลือกตั้งในปี 2570 เพราะถ้า พ.ร.บ.ประชามติเสร็จไม่ทัน สว.ไม่เห็นด้วย อาจจะต้องตั้งกรรมาธิการร่วม ทำให้กระบวนการพิจารณายืดเยื้อออกไป ต้องล่าช้าออกไป
ทั้งนี้ ตนคิดว่ายังพอมีหนทางในการที่จะทำให้การแก้ไขทั้งฉบับทันปี 2570 หากจัดทำประชามติเพียงแค่ 2 ครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลก็ออกมาให้ความเห็นว่าทันสอดคล้องกับความเห็นของพรรคประชาชน เรื่องนี้ต้องหารือกับฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อาจต้องทำภายในรัฐสภา หารือกับประธานรัฐสภาว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไรที่จะบรรจุร่างแก้ไข
เมื่อถามว่าในเรื่องรายงานกรรมาธิการนิรโทษกรรมที่รัฐบาลขอถอนจากวาระสภาไปก่อน เพื่อทำการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค เรื่องจุดยืนของผู้ต้องหาคเี ม.112 พรรคประชาชนมีจุดยืนอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะถอนร่างรายงานไปก่อน เพราะรายงานเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น เเสดงตัวเลือกหลายๆตัวเลือก และเราสามารถเดินหน้าร่วมกันได้ เพราะฉะนั้นยังคิดว่าไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องถอนร่าง เนื่องจากไม่มีผลผูกพันใดๆ
ประการที่สอง พรรคประชาชนมองว่าเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมามีผู้ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมืองมากมาย ตนคิดว่าคนที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ควรจะต้องได้รับการเยียวยาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและได้รับความยุติธรรม เรื่องนี้ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีด้วยวิธีใดก็ตาม มาตราใดก็ตาม ควรจะต้องได้รับความเป็นธรรมและได้รับการเยียวยา