เป็นปลื้ม อส.สกลนคร เดินทางไปช่วยตักโคลนในบ้านผู้ประสบอุทกภัย เก็บสร้อยคอทองคำส่งคืนเจ้าของ 2 ราย เป็นอีกหนึ่งความซื่อสัตย์ที่สมควรเอาเป็นแบบอย่าง
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ว่าที่ รต.รวยรุ่ง ใครบุตร ปลัดจังหวัดสกลนคร ได้รายงานให้นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผวจ.สกลนคร ทราบว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ได้รับแจ้งจากนายกฤตนัน งิ้วพรหม ป้องกันอำเภอกุสุมาลย์ ว่าทีมงาน สมาชิก อส. จาก บก.อส.จ.สกลนคร ประกอบด้วยนายวรชัย จันทร์นา ป้องกันอำเภอเมืองสกลนคร นายเชษฐสิทธิ์ แก้ววิหาร ร้อยอส.อ.เต่างอย ที่ 17 นายวีระพงษ์ ภูงามเงิน ร้อย อส.อ.พังโคน ที่ 11 นายณัฐพล เขียวโฮม ร้อย บก.บร.สกลนคร นายเอกชูชาติ เชื้อการ ร้อย อส อ.วานรนิวาส ที่ 7 ว่าขณะทำความสะอาดบ้านเลขที่ 225 บ้านเหมืองแดง หมู่ที่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบสร้อยคอทองคำ หนัก 1บาท แหวนทองคำ หนัก 50สตางค์ แหวนทองล้อมเพชร แหวนเพชร พระเครื่องและเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 120,000 บาท ในห้องนอนของ บ้านหลังดังกล่าว และได้ส่งมอบคืนเจ้าของบ้าน คือ นางสาวณดา ลาบประเสริฐดี อายุ 43 ปี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวถูกน้ำและดินโคลนพัดถม จนคุณแม่และคุณป้าของนางสาวณดาฯเสียชีวิตภายในบ้าน เนื่องจากป่วยติดเตียง และของมีค่าเหล่านี้เป็นของคุณแม่ที่เสียชีวิตเพราะอยู่ในห้องของคุณแม่
ส่วนการพบเจอเนื่องจากมีดินโคลนหนาถึงหัวเข่า ต้องใช้อุปกรณ์ตักสัมผัสได้ว่าเป็นสิ่งของ จึงหยุดแล้วใช้มือควักขึ้น พบว่าเป็นทองคำบางอยู่ในกล่องทองสีแดงฝาขาว นางสาวณดา ลาบประเสริฐดี เมื่อรับได้รับของคืนท่ามกลางสายตาชาวบ้านจำนวนมากและร่วมแสดงความยินดี จนน้ำตาซึม ส่วนนายวรชัย จันทร์นา ป้องกันอำเภอเมืองสกลนครทีมงานฝ่ายปกครองจากสกลนคร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าที่ทำงาน 2 วันตามคำสั่ง ผวจ.สกลนคร ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่ตามบ้านหลังต่างๆอีกจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ขณะที่ อส.พันธ์เกียรติ อ่อนจงไกร สังกัดร้อย อส.อ.เมืองที่ 3 และ อส.ตะวัน ประทุมรัตน์ สังกัดร้อย อส.อ.ส่องดาว กำลังปฏิบัติหน้าที่ตักดินโคลนออกจากบ้านเลขที่ 244 ม.2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย เจ้าของบ้านคือนายรังสรรค์ วรรณศรี อายุ 58 ปี ได้พบสร้อยคอทองคำพร้อมพระเครื่องหนัก 3 บาท จึงนำส่งคืนเจ้าของ ท่ามกลางความดีใจของเจ้าของทอง ซึ่งนายรังสรรค์ บอกว่าทองดังกล่าวเป็นของตนต้องขอขอบคุณ อส.ทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ อส.ทั้งหมดรู้สึกภูมิใจที่ได้มาช่วยเหลือพี่น้องและเก็บทองส่งคืนเจ้าของ ซึ่งก็คือหน้าที่และเป็นอีกหนึ่งสื่อถึงความซื่อสัตย์ ซึ่งกำลังพลยังจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปรกติ