วันที่ 30 ก.ย.2567 นายสมชัย  ศรีสุทธิยากร  นักวิขาการและอดีต กกต. กล่าวถึงการพิจารณาลงมติร่าง  พ.ร.บ.ประชามติ ของวุฒิสภา ว่า ประเด็นที่หวาดหวั่นกันคือ การแก้กลับไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น สำหรับการทำประชามติเรื่องสำคัญ เช่น แก้รัฐธรรมนูญ ว่า ชั้นที่ 1 ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินครึ่ง และชั้นที่สอง มติที่ชนะก็ต้องเกินครึ่งของผู้มาใช้สิทธิ จึงมีความเป็นห่วง คือ หากกลับไปใช้เกณฑ์นี้ รัฐบาลจะจัดให้มีการลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ   เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ในเดือน ก.พ.ปีหน้าจะไม่ทัน   เพราะหากส่งกลับไปที่สภาฯสส.เห็นต่างยืนยันอีกครั้งได้ก็ต้องรอไว้ 180 วัน หลายคนเลยแปลว่า เดือนก.พ.ไม่ทันแน่ และกว่าจะมีกฎหมายประชามติที่รัฐบาลอยากได้  ก็อาจเป็นเกือบปลายปี 2568

นายสมชัย กล่าวว่า ทางออกในเรื่องนี้  รอลุ้น สว. จะลงมติตามเสียงข้างมากของกรรมาธิการ คือลงมติใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น   หรือตามเสียงข้างน้อย แต่หากสุดท้ายร่างของวุฒิ ในการลงมติวาระ 3 เป็นแบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น รัฐบาลก็ไม่ต้องปอดแหก   เลื่อนความตั้งใจจัดประชามติแก้รัฐธรรมนูญออกไปจากเดือนก.พ.2568 เนื่องเพราะคาดว่าวันที่ 2 ก.พ.2568 จะมีการเลือก ส.อบจ.ทั้งประเทศ ซึ่งไม่ยากที่จะมีคนมาใช้สิทธิเกินครึ่งอยู่แล้ว  จึงไม่สมควรวิตกว่า หากทำประชามติ จะไม่ผ่านด่านแรก

"ครม.จึงควรมีมติให้มีการทำประชามติ เพื่อให้มีส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้เลย    โดยไม่ต้องสนใจว่า พ.ร.บ.ประชามติ จะมีหลักเกณฑ์ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะมีหรือไม่มี  หากจัดในวันที่ 2 ก.พ.2568   คนก็ควรมาใช้สิทธิเกินครึ่งค่อนข้างแน่หาก ครม. ยังยึกยัก ไม่ยอมให้มีการลงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ก็สมควรให้ด่าพรรคเพื่อไทย   และรองนายกฯ ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหมที่เป็นตัวหลักในเรื่องนี้ ว่า ตระบัดสัตย์ อีกรอบได้เลย” นายสมชัย กล่าว