จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยารับแจ้ง เหตุมีผู้ชายทราบชื่อภายหลังคือนายนิรุตติ์  หรือจิ๊บ อายุ 39 ปี พนักงานเสิร์ฟของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านสายสามพัทยา เกิดอาการคลุ้มคลั่งเดินถืออาวุธปืน เดินไปมาบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ซอยเฉลิมพระเกียรติ 25 ไปจนถึง ลานจอดรถเอ็กซ์ไซด์พัทยา แล้วยกอาวุธปืนขึ้นมาจ่อศีรษะตัวเอง หวังจะปลิดชีพหนีผิด สาเหตุเกิดจากความเครียด ที่ รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นคู่อริที่ตนเองมีปัญหาด้วยในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ฝ่านมา แล้วเกิดเคลียร์ปัญหากันไม่ลงตัว กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีจึงยกพวกกันมา รวมถึงแจ้งตำรวจให้มาจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่ง เจ้าตัวกลัวหากถูกจับจะต้องโดนโทษหนัก เนื่องจากตนเองนั้นมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจึงนำกำลังไปปิดล้อมพร้อมอพยพนักท่องเที่ยวและชาวบ้านออกจากจุดเกิดเหตุ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 22.36 น.พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยังคงนำกำลังปิดล้อม บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมกันประชาชนห้ามเข้าใกล้เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย แล้วใช้วิธีการเกลี้ยกล่อม นายนิรุตติ์  หรือจิ๊บ อายุ 39 ปี ยอมวางอาวุธแล้วเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เวลาผ่านไปรวมกว่า 2 ชั่วโมง ยังไม่มีทีท่าว่าผู้ก่อเหตุจะยอมลดละมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จึงออกอุบายว่าจะไปซื้อเบียร์มานั่งดื่มด้วย หวังจะเข้าประชิดตัวนายนิรุตติ์ แล้วจะส่งสัญญาณเข้าชาร์จตัว

กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน นายนิรุตติ์  ซึ่งนั่งจิบเบียร์ย้อมใจ อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ได้ใช้อาวุธปืน จ่อที่ขมับขวาแล้วลั่นไก 1 นัด หวังจะหนีความผิดในครั้งนี้และครั้งเก่า จนฟุบลงไปจอมกองเลือด กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ท่ามกลางสายตา เจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ที่ เตรียมพร้อมในการเข้าช่วยเหลือ หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์สถานที่เกิดเหตุ จึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น ด้วยการปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต ก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมพบว่าอาวุธปืน ที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นอาวุธปืนแบลงค์กัน ดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริงขนาด .32 เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

ในขณะที่นายปฏิพล  อายุ 20 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์มาจอด บีบแตร พร้อมกับเปิดกระจกรถ ก็คิดว่าถามทางจึงเดินเข้าไปหา ตอนนี้ยังไม่ได้เอ้ยปากพูดอะไร ก็โดนผู้ก่อเหตุตะโกนด่าด้วยหยาบคาย และถามว่ามีปัญหาอะไรกับกูหรือเปล่ามองหน้าทำไม ตัวเองจึงรีบตอบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเพียงแค่คิดว่าจะมาถามทาง แต่ผู้ก่อเหตุกลับชักปืนออกมาแล้วขึ้นลำแล้วจ่อมาที่ตนเอง โชคดีที่มีคนมาช่วยห้ามปราม ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาและไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน

ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยาพร้อมนำกล้องวงจรปิดไปมอบให้ไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งช่วงค่ำที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมาทำงานที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใกล้จุดที่ตนเองวิ่งวินจยย.รับจ้างอยู่ โดยขับรถยนต์คันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไว้ ผ่านด้านหน้าวิน น้าชายจึงเรียกให้หยุดลงมาคุยกัน ผู้ก่อเหตุจึงขับรถมาจอด โดยกลุ่มของน้าชายเดินติดตามมา แต่ยังทันได้เจรจา ผู้ก่อเหตุก็หยิบอาวุธปืนขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทุกคน จะวิ่งเข้าชาร์จ ผู้ก่อเหตุจึงถืออาวุธปืนวิ่งหลบหนี เมื่อโทร แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ ผู้ก่อเหตุกับใช้อาวุธปืนจ่อที่ ศีรษะตนเอง ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และไม่คาดคิดว่าผู้ก่อเหตุจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าศีรษะตนเองจริงตามคำขู่

ด้านพ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.เมืองพัทยา ได้โทรศัพท์พูดคุยผ่านข้อความ เฟซบุ๊กของ นายนิรุตติ์  ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า “เป็นผู้ก่อเหตุใช้วุธปืนข่มขู่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างจริง แต่ในเรื่องนี้ไม่ได้เครียด แต่ที่เครียด เพราะว่าตัวเองมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าโดยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 2557