ปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับมหกรรมการแข่งขันกีฬาระดับโลก "โอลิมปิกเกมส์ 2024" และ "พาราลิมปิกเกมส์ 2024" ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันของทั้งสองสนาม  

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวถึงความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 33 ในวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567 มีนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 51 คน สามารถปิดจบเหรียญโอลิมปิกเกมส์เป็นอันดับที่ 44 จาก 206 ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน คว้าเหรียญรางวัลมาได้ 6 เหรียญ ประกอบด้วย 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ส่วนพาราลิมปิกเกมส์ 2024 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567 ประเทศไทยส่งนักกีฬาคนพิการทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 79 คน ทำผลงานเป็นอันดับที่ 21 จาก 184 ประเทศ โดยทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทยกวาดเหรียญรางวัลได้ถึง 30 เหรียญ ประกอบด้วย 6 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง แสดงถึงศักยภาพของนักกีฬาไทยในเวทีระดับโลก ทุกคนคือฮีโร่ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้คนไทย สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้ประเทศ  กกท.ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญด้านการพัฒนาวงการกีฬาของประเทศ ด้วยพันธกิจการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ กีฬาอาชีพ และยกระดับนักกีฬาไทยให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนคนไทยในการส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทย ผ่านการจัดกิจกรรมสร้างกระแสการชมและเชียร์ให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลก 

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ในช่วงการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์และพาราลิมปิกเกมส์ กกท. ได้จัดทำโครงการ “ไทยสู้โว้ย” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนร่วมส่งกำลังใจ ร่วมชม และเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทย ยกย่องนักกีฬาที่มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย สร้างขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬา ตลอดจนสร้างการรับรู้ และความเข้าใจให้ประชาชนถึงการพัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศด้านกีฬาของนักกีฬาทีมชาติไทย ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งออนไซต์ และออนไลน์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากคนไทยทุกภาคส่วน 

"กกท. ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศให้ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ และบริหารจัดการองค์กรอย่างมีมาตรฐาน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาระบบการสรรหานักกีฬาหน้าใหม่และการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพกับนักกีฬาและสมาคมกีฬา  รวมถึงการส่งเสริมองค์กรกีฬา นักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการจัดการแข่งขันกีฬาทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ อาทิ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ , กีฬาแห่งชาติ , กีฬาซีเกมส์ , กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมุ่งสร้างกระแสความตื่นตัวของประชาชนในการออกกำลังกาย เล่นกีฬาและเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย" 

ภารกิจการพัฒนาการกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศของประเทศในมิติอันหลากหลาย ถือเป็นความท้าทายและเป้าหมายสำคัญของ กกท. ในการยกระดับวงการกีฬาไทยสู่ระดับโลกอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน