วันที่ 27เกย. 67 ภายใต้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.เอกยุทธ ปล้องคง ผบ.หมู่ (ป.) สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.ธวัชชัย ละอองชัย ผบ.หมู่ (สส.)ฯ,จ.ส.ต.สมภพ เที่ยงธรรม ผบ.หมู่ (ป.) ฯ, ส.ต.อ.ณัฐพงศ์ พรหมสุข ผบ.หมู่ (สส.)ฯ และ ส.ต.อ.ประทานพร เชษขุนทด ผบ.หมู่ (ป.) ฯ จับกุมนายธีระพันธ์หรือน้ำพุ บุญปัน อายุ ๒๓ ปี ตามหมายจับของ ศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.๓๓๙/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๗ และ.ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดน่าน(สาขาปัว) ที่ จ.116/2566 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2566กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน”
พฤติการณ์ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่า นายธีระพันธ์หรือน้ำพุ บุญปัน เป็นบุคคลที่มีหมายจับชุดจับกุมได้ออกสืบสวนหาข่าวทราบว่าได้หลบซ่อนตัวอยู่ ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบนายธีระพันธ์ฯ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมได้แสดงหมายจับทั้งอ่านข้อความในหมายจับและส่งหมายจับให้ นายธีระพันธ์ฯ อ่านดูแล้ว โดยนายธีระพันธ์ฯ รับว่าตนมีชื่อ-นามสกุล และเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงจริง และยังไม่เคยถูกจับดำเนินคดีในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สน.หลักสอง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
พฤติการณ์ในคดี ผู้เสียหายได้ทำการกู้ยืมเงินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://lokkhf99898.xyz จากนั้นได้คุยผ่านทางแอบพลิเคชั่น Line โดยชื่อในแอบพลิเคชั่นของผู้แจ้งชื่อ "BKkz." คุยแชทกับผู้ต้องหาซึ่งใช้ชื่อ
"ฝ่ายลงทะเบียน" ซึ่งในขญะที่คุยกันผ่านแชท ได้มีการโทรศัพท์มาหาผู้แจ้งโดยใช้เบอร์พูดคุยกับผู้แจ้ง ผู้แจ้งได้ส่งรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร อีเมลล์ เลขบัญชีรูปถ่ายหน้าตรงแนบพร้อมบัตรประชาชน จากนั้นให้ผู้แจ้งกดลิงค์ เว็บไซต์ เพิื่อทำการเพิ่มเพื่อนจากแอบพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ"สินเชื่อการเงิน A05" จากนั้นผู้ต้องหาได้อ้างให้ผู้แจ้งโอนเงินเพื่อทำการยืนยันตัวตน ผู้แจ้งจึงได้ทำการโอนเงินไปจำนวน 300,001 บาท จากนั้น ผู้ต้องหาได้อ้างว่าเลขบัญชีที่ผู้แจ้งให้ไปนั้นผิด ให้โอนไปอีก จำนวน 900,000 บาท
ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องทำการยืนยันระบบอีกครั้งให้ผู้แจ้งทำการโอนไปเพิ่มอีก จำนวน 903,000 บาท ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องทำการยืนยันเครดิตเพื่อตรวจสอบการเข้าระบบ ให้ผู้แจ้งโอนเงินไปเพิ่ม จำนวน 1,500,000 บาทหลังจากที่ทำการโอนเงินไปแล้ว ผู้แจ้งต้องการยกเลิกการยืมเงิน แต่ผู้ต้องหาก็ได้อ้างว่าต้องปิดยอดสุดท้ายเพื่อจะได้รับเงินกู้และเงินที่โอนไปคืนทั้งหมด ผู้แจ้งจึงหลงเชื่อและได้โอนเงิน จำนวน 1,367,709.35 บาท รวมเป็นจำนวนยอด 4,970,710.35 บาท เมื่อผู้แจ้งได้ทำการโอนเงินไปยอดสุดท้าย จึงทราบว่าถูกหลอกลวง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความที่สน.หลักสอง