กระทรวงพาณิชย์เผยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ประกาศผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี 2567 (Global Innovation Index 2023: GII 2024) ประเทศไทยขยับอันดับขึ้นที่ 41 จาก 133 ประเทศทั่วโลก สะท้อนความก้าวหน้าของประเทศในหลายภาคส่วนนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อการพัฒนานวัตกรรมของไทย โดยเฉพาะผลจากการสนับสนุนที่เข้มข้นขึ้นในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D)

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีนวัตกรรมโลกหรือ GII เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การขยับอันดับขึ้นของไทยแสดงถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาที่มุ่งมั่นส่งเสริมการวิจัยและการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้ไทยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยถูกจัดอยู่อันดับที่ 41 จาก 133 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ จากเดิมอันดับ 43 ซึ่งประเทศไทย มีจุดแข็งที่โดดเด่นในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจซึ่งทำให้ไทยครองอันดับ 1 ของโลกในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาทุนมนุษย์โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ซึ่งไทยมีผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม ในสัดส่วนที่สูง ส่งผลให้ประเทศอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลก รวมทั้งศักยภาพของนักวิจัยในภาคธุรกิจไทยยังได้รับการยอมรับในอันดับที่ 13 ของโลก สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีของประเทศ และมีการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาซื้อสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้และพัฒนาภายในประเทศ การพัฒนาเหล่านี้แสดงถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของไทยในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์ ขณะเดียวกันก็เน้นการนำเข้าความรู้จากภายนอกเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ" 

โดยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ มอบหมายให้นางสาวนุสรา กาญจนกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมงานแถลงข่าวผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) ประจำปี 2567 และร่วมเสวนา ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในประเทศ รวมถึงพันธมิตรระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ ภายในงานมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนาระบบนวัตกรรมและการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรม” นำโดย ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ และนาย Sacha Wunsch-Vincent หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจและบรรณาธิการร่วมของดัชนี GII จาก WIPO เป็นผู้บรรยายพิเศษ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงานสำคัญร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมในระดับนานานาชาติและของประเทศไทยในหลากหลายมิติ 

นางสาวนุสรา กาญจนกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับดัชนี GII ของไทย โดยได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในรายงาน GII 2024 ไทยยังมีอันดับตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าสนใจอีกหลายด้าน อาทิ จำนวนคำขอรับอนุสิทธิบัตรในประเทศ สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก จากเดิมอันดับที่ 6 ในปีที่ผ่านมา จำนวนการยื่นคำขอสิทธิบัตรออกแบบของไทย สูงเป็นอันดับที่ 33 ของโลก แสดงถึงการเติบโตของนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการตระหนักรู้ของประชาชนในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาภายในประเทศที่มีมากขึ้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านนวัตกรรม
ของไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และพร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของภูมิภาคอาเซียนด้วยเป้าหมายที่จะสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต” 

โดยผลจากตัวชี้วัด GII สะท้อนให้เห็นว่า ไทยมีจุดเด่นที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของไทย โดยนำเทคโนโลยี AI มาช่วยพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มประสิทธิภาพงานบริการประชาชนและ ภาคธุรกิจให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ตลอดจนการร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมให้มีการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ตามนโยบายรัฐบาลรวมถึงการยกระดับการบริการ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน