คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

การแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกายังคงเหลือเวลาอีกแค่เพียง 40 วันเท่านั้น ฉะนั้นเดือนตุลาคมที่กำลังจะถึงจึงถือเป็นโค้งสุดท้ายที่ทั้ง “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” และ “รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส” ต้องเร่งมือออกตระเวนหาเสียง และทั้งสองยังต้องขะมักเขม้นงัดเอากลยุทธ์ทุกๆอย่างมาใช้หาเงินบริจาคให้มากยิ่งๆขึ้น เพื่อนำไปเผด็จศึกเอาชนะการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตามถือได้ว่ารองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส แสนจะโชคดีที่มีสามขุนพลระดับอดีตประธานาธิบดีเข้ามาร่วมผนึกพลังช่วยวิ่งรอกหาเสียงให้แก่เธอ!!!

ซึ่งทั้งสามขุนพลที่กล่าวมาก็คือ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ควงคู่มาพร้อมกับ “ดร.จิล ไบเดน” สตรีหมายเลขหนึ่งภรรยาแสนรัก แถมยังมี “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” จูงมือมากับ “มิเชล โอบามา” และยังมี “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน” และภรรยาอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ “ฮิลลารี คลินตัน” ที่ทุกๆคนต่างช่วยกันออกหาเสียงไปทั่วทุกๆรัฐ นับเป็นแรงผลักดันอย่างมหาศาลในการต่อสู้โค้งสุดท้าย

แต่ในทางกลับกันปรากฏว่า “อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช” ที่สังกัดอยู่ในพรรครีพับลิกัน ออกมาส่ายหัวไม่ขอร่วมสังคายนากับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แถมตามติดมาด้วยอดีตผู้นำผู้ทรงอิทธิพลระดับรองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี 111 คนในพรรครีพับลิกันพากันหันไปลงชื่อสนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ที่นักการเมืองเหล่านี้ลงความเห็นว่า “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นบุคคลอันตรายต่อสหรัฐอเมริกา”

โดยบรรดานักการเมืองผู้ที่ออกมาพากันลงชื่อต่อต้านอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีอาทิเช่น “รองประธานาธิบดีริชาร์ด เชนีย์”, “อดีตรัฐมนตรีกลาโหมชัค เอเกิ้ล” และ “อดีตรัฐมนตรีกลาโหมวิลเลียม โคเฮน”, “อดีตผู้อำนวยการซีไอเอไมเคิ้ล เฮย์เดน” และ “อดีตผู้อำนวยการซีไอเอวิลเลียม เวปสเตอร์” รวมไปถึง “อดีตประธานธนาคารโลกโรเบิร์ต โซลลิค” เป็นต้น (ข้อมูลจากนิตยสารนิวส์วีค เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2024)

หรือแม้กระทั่ง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่มีแฟนคลับติดตามเธอมากกว่า 284 ล้านคนทั่วโลก  โดยเธอได้เขียนโพสต์ลงในอินสตาแกรมประกาศว่า จะสนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริสอย่างสุดแรง จนส่งผลให้คะแนนนิยมของรองประธานาธิบดีแฮริสเพิ่มสูงมากขึ้น

และจากการรายงานผลสำนักหยั่งเสียงของ “สถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซี นิวส์”  ที่ทำร่วมกับ “สำนักหยั่งเสียง Isos” เปิดเผยล่าสุดนี้ว่า ชาวอเมริกันประมาณ 6% จะเทคะแนนให้กับรองประธานาธิบดีแฮร์ริส มีผลทำให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเขียนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของเขาว่า “ข้าพเจ้าเกลียดเทย์เลอร์ สวิฟต์”

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการร่วมกันผนึกพลังของทั้งสามขุนพลอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่สังกัดในค่ายพรรคเดโมแครตครั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่มิธรรมดา โดยสามขุนพลวางหมากแบ่งหน้าที่กันตามความถนัด ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยกันหาเสียงเท่านั้น แต่ทั้งสามยังช่วยกันหาเงินบริจาคอีกด้วย

โดยพรรคเดโมแครตวางหมากเดินเกมให้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นขุนศึกคนสำคัญ เนื่องจากเขามีประสบการณ์ทางแวดวงการเมืองมาอย่างช่ำชองกว่าห้าสิบปี แถมเขายังมีเครือข่ายอันแสนกว้างขวางในแทบทุกวงการ โดยเขาจะวิ่งรอกหาเสียงควบคู่กับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสใน 7 รัฐสวิง ที่ถือเป็นรัฐชี้ขาดในการเลือกตั้ง ซึ่งเริ่มต้นแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2024ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ที่รัฐมีคะแนนอิเล็กโทรัลถึง 19 คะแนน และรัฐนี้ก็เป็นบ้านเกิดถิ่นฐานเดิมของเขาอีกด้วย

โดยขณะนี้รองประธานาธิบดีแฮร์ริส กำลังมีคะแนนนำเหนือกว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ 5% รัฐเพนซิลเวเนีย ถือได้ว่าเป็นรัฐที่มีความสำคัญอย่างมาก และหากรองประธานาธิบดีแฮร์ริส เกิดพลาดท่าพ่ายแพ้ในรัฐนี้ โอกาสที่จะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวก็เป็นการยากเต็มที!!!

นอกจากนั้นแล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังวางแผนมุ่งหาเสียงในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีศรีภรรยาดร.จิล ไบเดน ดำริที่จะช่วยหาเสียง โดยเธอจะมุ่งเน้นนโยบายด้านการศึกษา

ตามติดมาด้วยขุนพลคนที่สองนั่นก็คืออดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา โดยเขาถูกวางหมากให้เดินเกมเป็นหัวหน้าคณะด้านการหาเม็ดเงินให้แก่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส และในวันที่ 27 กันยายน 2024 เขาจะเดินทางไปที่นครลอสแอนเจลิส

อนึ่งประธานาธิบดีโอบามามีความผูกพันธ์อันดีกับรองปรธธานาธิบดีแฮร์ริสมาแล้วอย่างยาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่เขาสนับสนุนให้ คามาลา แฮร์ริส เข้าลงแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย และต่อมาก็สนับสนุนให้เธอเข้าลงแข่งขันในตำแหน่งรองประธานาธิบดี

นอกเหนือจากที่อดีตประธานาธิบดีโอบามาจะช่วยทางด้านหาเม็ดเงินบริจาคแล้ว เขาก็ยังจะช่วยลงบันทึกเสียงในการโฆษณาหาเสียง เพื่อโน้มน้าวใจต่อผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ให้ออกมาลงคะแนนเลือกรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ซึ่ง มิเชล โอบามา ก็จะจับมือร่วมกับสามีเข้าไปช่วยเหลือด้านรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีสิทธิมีเสียงออกไปลงเลือกตั้งด้วยเช่นกัน

ในการประชุมของพรรคเดโมแครต ณ นครชิคาโก มิเชล โอบามา ได้ออกมากล่าววิงวอนให้บรรดาสมาชิกนักการเมืองในค่ายพรรคเดโมแครตออกมาทำการสนับสนุน และลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อทำให้รองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับชัยชนะ

สำหรับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ ฮิลลารี คลินตัน ต่างก็ออกมาแสดงท่าทียินดีที่รองประธานาธิบดี แฮร์ริส ได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะเข้ารับช่วงต่อ และทันทีที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับการส่งต่อมรดกทางการเมือง เธอได้โทรศัพท์ไปถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และฮิลลารี คลินตันเพื่อขอความช่วยเหลือในทันท่วงที

และในช่วงเตรียมการปะทะฝีปากดิเบตกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์นั้น รองประธานาธิบดีแฮร์ริสยังขอคำแนะนำจากอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันและฮิลลารี คลินตัน ด้วยเช่นกัน โดยอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งเป็นขุนพลคนที่สาม เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่สุดด้านการหาเสียงในแถบชนบทและจากชาวละติน โดยเขาถูกวางหมากโพกัสให้เดินทางไปหาเสียงในทั้ง 7รัฐสวิง

ส่วนฮิลลารี คลินตัน นอกจากจะช่วยทางด้านรณรงค์หาเสียงแล้ว เธอก็ได้รับมอบหมายให้หาเม็ดเงินบริจาคด้วยเช่นกัน โดยเธอจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2024 ที่นครลอสแอนเจลิส โดยเธอจะมุ่งเน้นหาเสียงในกลุ่มสตรีและกลุ่มเลสเบี้ยน

ทั้งนี้ฮิลลารี คลินตัน กล่าวสุนทรพจน์เอาไว้ในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่ รัฐอิลลินอยส์ว่า “ดิฉันจะช่วยเหลือให้รองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับชัยชนะเข้าสู่ทำเนียบขาว”

เป็นที่น่าสนใจว่าขณะที่การแข่งขันกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้าย ยังมีกูรูนักวิชาการท่านหนึ่ง ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำนายผลการเลือกตั้งนั่นก็คือ “ดร.โธมัส มิลเลอร์” แห่ง  “Northwestern University” โดยเขาใช้หลักสถิติที่แสนแปลกแนว ที่เขานำเอาข้อมูลจาก “ProfitIt” ซึ่งเป็นศูนย์รับพนันผลการเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุด โดยเขานำเอาจำนวนของเงินสดที่คนนำมาพนันมาวิเคราะห์เป็นหลักสถิติ โดยดร.มิลเลอร์ไม่นำผลวิเคราะห์จากบรรดาสำนักหยั่งเสียงต่างๆมาใช้ในการวิเคราะห์ โดยดร.มิลเลอร์ ออกมากล่าวว่า การสลับตัวการแข่งขันจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน มาเป็นรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ถือเป็นจุดพลิกผันอันแสนยิ่งใหญ่

ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งปีค.ศ. 2020 ดร.มิลเลอร์ เคยทำนายคะแนนอิเล็กโทรัลของประธานาธิบดีไบเดน ได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่การแข่งขันเลือกตั้งระหว่างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กับ รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ในครั้งนี้ ดร.โธมัส มิลเลอร์ ออกมาประกาศคำทำนายของเขาว่า “รองประธานาธิบดีแฮร์ริสจะสามารถชนะเหนือกว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยคะแนนอิเล็กโทรัลแบบถล่มทลายเลยทีเดียว (ข้อมูลจากนิตยสาร Newsweek: Data Scientist’s Betting—Odds Models Predicts Kamama Harris Landslide, วันที่ 18 กันยายน 2024)

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในครั้งครานี้ หาก “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส”ได้รับชัยชนะ เธอก็จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ที่เธอจะเป็นสุภาพสตรีคนแรกที่เข้าไปนั่งครอบครองตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงๆก็สืบเนื่องมาจากเธอสามารถเสนอวิสัยทัศน์ในการดีเบตที่ชัดเจนเป็นที่พึงพอใจของคนอเมริกัน แถมยังมีหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรงเข้าไปช่วยสนับสนุนอีกกว่าสองแสนคน และยังมีเงินบริจาคมากมายมหาศาล และเหนือสิ่งอื่นใดเธอยังมีสามขุนพลอดีตประธานาธิบดีจับมือผนึกพลังเข้าไปช่วยทั้งผลักทั้งดันละครับ