ก.คลัง เผยโอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4.5 ล้านคน เรียบร้อย ส่งเงินถึงมือกลุ่มเปราะบาง เพิ่มเม็ดเงินในระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก "อนุทิน" ชี้ "เจ้าหนี้" ยืนขู่ลูกหนี้หน้าตู้เอทีเอ็มไม่ได้ หลังมีภาพยืนรอเงินหมื่น ถ้าเจอให้แจ้งจนท.จับได้เลย ภูมิธรรม บอกเห็น ปชช. ดีใจได้เงินหมื่น ชี้ใช้หนี้นอกระบบถือเป็นสิทธิบุคคล ยันเฟสต่อไปมีแน่ ขอรอบแรกจบก่อน
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.67 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานความคืบหน้า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ได้โอนเงินช่วยเหลือให้กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีหมายเลขบัตรประชาชน ลงท้ายด้วยเลข 1-2-3 จำนวน 4.5 ล้านคน สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 04.00 น. วันนี้ ส่วนใหญ่พบว่า ประชาชนที่ได้รับเงิน นำไปซื้อสิ่งของ อุปโภคบริโภค ที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร บางส่วนก็นำเงินที่ได้ไปซ่อมแซม หรือใช้จ่ายเกี่ยวกับบุตรหลาน ขณะที่ ผู้สูงอายุ บางคนจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือเพื่อใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการใช้เหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง
การเพิ่มเม็ดเงินในระบบครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินนโยบายรัฐบาลในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะมีผู้รายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับพื้นที่และฐานรากตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้และสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการฯ นายจิรายุ ย้ำ
สำหรับวันพรุ่งจะมีการโอนเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4-7 ประมาณ 4.51 ล้านคน และเลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 8-9 ในวันที่ 30 กันยายน 2567
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเจ้าหนี้ไปยืนประกบลูกหนี้ที่ได้รับเงินหมื่นจากรัฐบาล หน้าตู้เอทีเอ็ม ว่า ตนคิดว่าตอนนี้ประชาชนฉลาด และเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบอยู่ เรามีมาตรการไม่ให้มีการข่มขู่ หลายคนได้ปรับมาเป็นหนี้ในระบบแล้ว ซึ่งเรื่องการข่มขู่ข่มเหงถ้ามีประเด็นตรงนี้เมื่อไหร่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยมีนโยบายนี้มาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และเป็นนโยบายที่ต้องถือปฏิบัติอยู่
เมื่อถามย้ำว่า เจ้าหนี้ไปตามประกบถึงตู้เอทีเอ็ม นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นตำรวจต้องไปรวบตรงนั้นเลย เพราะในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ ตำรวจต้องดู จะไปประกบ ไปยืนคุกคามประชาชนทั่วไปได้อย่างไร เมื่อถามว่า กระทรวงมหาดไทยต้องมีการประสานกับตำรวจในเรื่องการดูแลลูกหนี้เหล่านี้ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว และเรื่องนี้ทางนายอำเภอต้องมีการประสานกับตำรวจ สมมุติเจ้าหนี้ไปบังคับให้ลูกหนี้ออกจากบ้านมาแล้วตำรวจเห็นก็ต้องจับเลย ดีเสียอีก จะได้ไม่ต้องไปตามหา
เมื่อถามอีกว่า แต่ลูกหนี้ส่วนใหญ่มักจะกลัว นายอนุทิน กล่าวว่า มันมีหลายแบบ ถ้าหนี้ที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อไปหยิบยืมเขามาก็ต้องใช้ ถูกหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าหนี้ไปแบบไม่ฟังอีร้าค้าอีรม สมมุติติดอยู่ 2 พันบาทแล้วจะไปเอาเขา 1 หมื่นบาทเลยไม่ได้ อย่างนี้เขาเรียกโจร มันทำไม่ได้ แต่ถ้าได้เงินหมื่นมาแล้วแบ่งไปใช้หนี้ อย่างนี้สามารถทำได้ มันมีหลายแบบ ฉะนั้น อย่าไปด่วนสรุปว่าทุกคนคือ การคุกคามหมด แต่ถ้าเกิดเป็นการคุกคามขู่เข็ญแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกลัวอะไร เพราะถ้ากลัวมันกลัวได้ทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเป็นแบบนี้ จะไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เงินมันหมุนน่ะ ยังไงเงินก็หมุน หมุนจากมือหนึ่งไปมือหนึ่ง มันก็คือการได้มีการใช้แล้ว ถ้าใช้ในสิ่งที่จุนเจือตัวเองได้และมีการซื้อขายมันก็เป็นการหมุนเวียนเรื่องเศรษฐกิจ คำว่ากระตุ้นกับหมุนเวียนมันคล้ายๆ กัน ขอให้ได้มีการหมุนเวียนของเงิน
เมื่อถามว่า หลังจากได้รับเงินหมื่น บางคนนำไปฉลองกันแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ให้ได้มั้ยล่ะ คนไทยเราก็ฉลองทุกอย่าง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสตอบรับของประชาชนหลังจากที่เมื่อวันที่ 25 ก.ย. คิกออฟแจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบางว่า ตนขอว่าอย่าเพิ่งพูดถึงว่ากระแสอะไรดีหรือไม่ดี แต่จากการติดตามข่าวประชาชนก็ให้ความสนใจและดีใจ เห็นบางคนนั่งเฝ้ารอกดเงินตั้งแต่เที่ยงคืน ซึ่งการดำเนินการก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนประเด็นที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมารอเก็บเงินจากกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินหมื่นนั้น หากมีอะไรกระทบเราก็จะมีการพิจารณาหาทางแก้ไข แต่สำหรับประชาชนเมื่อได้จ่ายไปแล้วก็จะถือเป็นการตัดหนี้ไปเลย ซึ่งเท่าที่ดูก็ถือว่าดี เพราะเป็นดุลยพินิจและเป็นสิทธิของประชาชนที่เขาประสบปัญหา และแก้ปัญหาของเขา
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลที่ว่าเฟสต่อไปจะได้หรือไม่นั้น เดิมที่เราคิดจะจ่ายทั้งหมดแต่เมื่อมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้บอกแล้วว่า เดี๋ยวรัฐบาลจะไล่จ่าย โดยขณะนี้ขอจ่ายกลุ่มแรก 14.5 ล้านคนก่อน เพราะถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่น่าเห็นใจที่สุด และรัฐบาลก็ดำเนินการช่วยเหลือไปตามลำดับ พร้อมยืนยันว่าจะให้คนที่ลงทะเบียนไว้แล้วทั้งหมด
เมื่อถามย้ำว่า จะให้ความสบายใจได้ใช่หรือไม่ว่าจะได้เมื่อไหร่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าวันนี้ก็จ่ายให้เห็นแล้ว แม้ที่ผ่านมาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็พิสูจน์ให้เห็น และให้ความมั่นใจแล้ว และนายกฯรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็อธิบายแล้วว่าเราแบ่งเป็นเฟส แต่ถึงอย่างไรคนที่ลงทะเบียนไว้ทั้งหมดก็จะได้หมด แต่กระบวนการขณะนี้เป็นเพียงเฟสแรกคือ 14.5 ล้านคน พร้อมยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลได้ทำในสิ่งที่ควรจะเป็นแล้ว ส่วนที่บางพรรควิจารณ์ก่อนหน้านี้ ว่าเลื่อนลอยขณะนี้รัฐบาลก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ส่วนรอบ 2 รอบ 3 ค่อยดูตามความเหมาะสม
เมื่อถามว่า ภายในปี 2567 นี้เฟสสองจะได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราก็ทำไม่หยุด แต่จะได้เมื่อไหร่เดี๋ยวท่านก็เห็น พร้อมยืนยันว่าเราทำไม่หยุดเราทำทุกวัน
เมื่อถามว่า ที่รองนายกฯระบุว่าจะแบ่งหมายถึงอะไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวดูรายละเอียดอาจจะแบ่งเป็นกลุ่มหรืออาจจะแบ่งเป็นงวด แต่เมื่อทุกคนอยากได้ก็พยายามทำให้ทั่วถึงก่อน นี่จึงเป็นวัตถุประสงค์ที่เราพยายามนำระบบนี้เข้ามา เพื่อให้ได้เรียนรู้ในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้สิ่งที่ทำก็ถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่มีอยู่ เราจึงไม่ต้องไปเน้นเงื่อนไขอื่นให้มาก แต่เราก็พยายามทำ พร้อมย้ำว่าทุกคนจะได้หมด และจะมีการประกาศเป็นระยะ
ไม่อยากจะให้พูดอะไรไปทั้งหมด เดี๋ยวจะมาบอกว่าไม่ได้ก็จะเป็นการทำลายความหวังมากกว่า แต่มันเป็นการยืนยัน และพิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้แล้ว ที่บอกว่าทำไม่ได้ก็ทำได้แล้ว และทำตามสิ่งที่ประชาชนอยากได้ ส่วนที่เหลือก็ยืนยันว่าจะทำ แต่ขอรอให้รอบแรกจบก่อนแล้วค่อยมาถาม นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่คนตกเกณฑ์เงื่อนไขทำให้ไม่ได้รับเงิน แล้วมาเรียกร้องถึงคะแนนเสียงที่ได้ลงไป เพราะขณะนั้นไม่มีการกำหนดเงื่อนไข เรื่องเงินฝากและจะแจกให้ทุกคน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามีการเสนอเงื่อนไขแรกแล้ว และท่านมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ดูตามลำดับความสำคัญ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลดูตามลำดับความสำคัญแล้ว ฉะนั้นจะให้เสียงเดียวเป็นเหมือนกันทั้งหมดนั้นมันก็ยาก แต่ขอให้คอยดูว่าผลเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดเราจำกัดไว้แล้วสำหรับคนที่ลงทะเบียน และก่อนหน้านี้หลายคนบอกว่าไม่อยากได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเราให้สำหรับคนที่อยากได้และคนที่ลำบากที่สุด
เมื่อถามถึง กรณีที่มีคนจะนำการแจกเงินหมื่นไปร้องเรียนกับองค์กรอิสระว่าเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทำตามกระบวนการทางกฎหมายได้เลย ไม่ต้องกังวลอะไร รัฐบาลก็ไม่กังวล จะมีการตรวจสอบหรืออะไรก็ว่ากันไปเลยไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นของเราตอนนี้คือมีคนเดือดร้อน และรัฐบาลพยายามจะแก้ไขความเดือดร้อน ถ้าฟังตามเสียงวิจารณ์เงินก็ไม่ออกสักทีประชาชนก็จะยิ่งแย่ ฉะนั้น ควรเอาประชาชนเป็นหลักให้มากที่สุด นายภูมิธรรม กล่าว