เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 ก.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้เสียหายที่ซื้อทองจากห้างทองเคทูเอ็น เข้าร้องเรียนต่อ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดย อภินันท์ เดือนดาว หรือ สตางค์ 1 ในตัวผู้แทนเสียหาย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐมนตรีตรวจสอบเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ ทั้งกล่อมสุ่ม การแจกซองแดง และตักไอโฟน มีกลลวงอย่างไร ไม่อยากให้ประชาชนถูกหลอกอีกแล้ว อีกทั้งอยากให้กำกับดูแลเรื่องการขายทอง รวมถึงการโฆษณาชวนเชื่อ สร้างภาพลักษณ์ให้ประชาชนเชื่อใจ เหมือนเป็นนักบุญในร่างมาร เพราะอย่างกรณีนี้ประชาชนซื้อของเขาเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจจากภาพพจน์ที่สร้างไว้   

 

โดย น.ส.จิราพร กล่าวว่า ในส่วนของ สคบ.มีหน้าที่ในการดูแลผู้บริโภค ซึ่งกรณีของการซื้อทองนั้น ได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหายจำนวนมาก ทาง สคบ.จะต้องทำงานเชิงรุก โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้น และทางนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สคบ. ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ไปตรวจสอบสลากและเก็บตัวอย่างทองมา และได้ส่งไปสถาบันอัญมณีเพื่อตรวจสอบว่าที่โฆษณาไว้ว่าน้ำหนักทอง 99% หรือเท่าไหร่ก็ตามนั้น เนื้อทองตรงตามที่โฆษณาหรือไม่ จะทราบผลภายใน 3 วัน ถ้าผลออกมาไม่ตรงตามที่โฆษณาก็จะมีความผิด และทาง สคบ.ขอให้ทางผู้บริโภคได้มั่นใจว่าเราจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น ถ้าผิดจะไม่มีการละเว้น เราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคุ้มครองทุกคน ขณะเดียวกัน ขณะนี้ สคบ.เองทำงานร่วมกันกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมด้วย เพื่อดูแลในเรื่องของการเยียวยาหรือการคืนทอง นอกจากนี้ ยังเข้ามาดูในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายให้รัดกุมที่สุด วันนี้ตนยินดีที่จะรับฟังจากผู้บริโภค แต่อยากให้มั่นใจว่า สคบ.ทำงานเต็มที่ และอยากให้รู้ว่าการพบรัฐมนตรีและ สคบ.ไม่ใช่เรื่องยาก

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการขยายไปถึงสินค้าอื่นด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะอาหารเสริมต่างๆ น.ส.จิราพร กล่าวว่า แน่นอน สคบ.ดูแลในเรื่องสลากและการโฆษณา ต้องดูว่าสลากตรงตามกฎหมายหรือไม่ หรือการโฆษณาทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าหรือไม่ จะเข้าไปดูแลแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่เจ้านี้ เจ้าอื่นๆ ที่ดูแล้วเข้าข่าย ประชาชนสามารถที่จะเข้ามาให้ข้อมูลกับ สคบ.ได้ สคบ.จะเข้าไปดูเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด 

 

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ได้ออกหนังสือเชิญเจ้าของร้านทองดังกล่าวมาพบ สคบ.ในวันที่ 27 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ตอนนี้รอการตอบรับ เพราะยังไม่ส่งหนังสือตอบรับมา และสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และจะมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางร้านทองได้ขายผ่านช่องทางนั้น รวมถึงได้มีการสั่งการแล้วว่าให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาระหว่าง สคบ. บก.ปคบ. และปปง. ที่จะมาทำงานร่วมกัน และยืนยันว่า ผู้บริโภคไม่ต้องกลัวที่ถูกข่มขู่จะถูกฟ้องกลับ เพราะรัฐมนตรียืนอยู่ตรงนี้ ทุกคนไม่ต้องกลัว ถ้าเป็นผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนที่ สคบ.ได้เลย จะดูแลคุ้มครองประชาชนอย่างเต็มที่ ถ้าพบว่ามีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดที่สุด  

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแม่ตั๊กเจ้าของร้านทองไม่มาพบ สคบ. ตามหนังสือเชิญ นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มาหรือแจ้งเหตุขัดข้องมา ก็ต้องดูเหตุผลว่าที่ไม่มาเพราะอะไร แต่หากมีการออกหนังสือเรียกเป็นครั้งที่สองแล้วยังไม่มาจะมีโทษทางอาญา ซึ่งสิ่งที่รัฐมนตรีวางแนวทางการทำงานให้ สคบ. เราเดินเรื่องเต็มที่ ทั้งเรื่องกล้องสุ่ม ซองแดง หรือการโฆษณา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบริษัทที่มีปัญหากับผู้บริโภคตอนนี้ แต่รัฐมนตรีให้ดูทุกบริษัท สคบ. ก็จะรุกเข้าสไปตรวจสอบบริษัทที่มีการโฆษณาในลักษณะอย่างนี้ 

 

ทั้งนี้ เรื่องการขายของบนสื่อออนไลน์มีกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งผู้บริโภคดูข้อมูลว่าบริษัทขายผ่านสื่อตลาดแบบตรง โดยสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ สคบ. ทั้งนี้รัฐมนตรีได้กำชับว่า เรื่องที่ผู้บริโภคมาร้องเรียนเราต้องดูแลให้ดีที่สุด 

 

เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาให้เจ้าของร้านมาเคลียร์ในราคาเต็มหรือไม่ นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่ทราบข้อมูลได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่และได้ส่งคืนสินค้า โดยเฉพาะของแถม ปรากฏว่าทางร้านแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องมีของแถมกลับมา  ซึ่งโดยหลักแล้วก็ต้องคืนเวลาเขาซื้อไปเท่าไหร่ก็ต้องคืนเท่าที่ผู้บริโภคซื้อไปอยู่แล้ว