เมื่อนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาด้วย 10 นโยบายเร่งด่วน โดยหนึ่งในนั้นคือ การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างด้านท่องเที่ยวของประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วโลก จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่เจ้ากระทรวง อย่างนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องเร่งหารือกับพันธมิตรหลัก และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำพาการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมายที่วางไว้
ท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักดึงรายได้
ซึ่ง นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวว่า ได้หารือร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อเร่งยกระดับการท่องเที่ยวไทย ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ความปลอดภัย และบุคลากรให้ทันต่อการแข่งขันกับหลายๆ ประเทศ ด้วยแต่ละประเทศต่างมองว่า การท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลัก ในการดึงรายได้เข้าประเทศนั้นเอง
โดยหนึ่งในการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆ การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นชอปปิง เดสติเนชัน (Shopping Destination) ซึ่งเวลานี้ได้มองถึงแนวทางการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเรื่องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat Refund) เบื้องต้นอาจใช้โมเดลของประเทศญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอคืนภาษี ณ ร้านค้าหรือจุดขายได้เลย แน่นอนว่าต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งกระทรวงการคลัง และภาคเอกชน ทั้งนี้เนื่องจากได้รับรายงานว่าขั้นตอนขอคืนภาษี เป็นไปอย่างล่าช้าในแต่ละจุดที่ทางภาครัฐกำหนดไว้ให้ ต่อแถวยาวไม่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว
สำหรับภาพรวมของประเทศไทยเวลานี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 22 ก.ย. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 25,413,226 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,188,099 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (5,107,697 คน) มาเลเซีย (3,643,753 คน) อินเดีย (1,485,017 คน) เกาหลีใต้ (1,347,069 คน) และรัสเซีย (1,137,867 คน)
ดังนั้นทางเอกชนท่องเที่ยว จึงมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว เช่น การส่งเสริมท่องเที่ยววันธรรมดา ควบคู่ไปกับโครงการ “วัน แมป ทัวริสซึม” (One Map Tourism) เป็นคู่มือการเดินทางครบวงจรของนักท่องเที่ยว ประกอบด้วยข้อมูลสถานที่ ปฏิทินกิจกรรม โดยมีไฮไลต์สินค้าท่องเที่ยว “5 Must Do in Thailand”ที่รัฐบาลตั้งเป้าให้ทุกเมืองต้องเป็นเมืองน่าเที่ยว” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของ
ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ขณะที่ นายพจน์ ศกุนตะลักษณ์ ผู้จัดการ การท่องเที่ยวฮ่องกงประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของฮ่องกงนั้น ยังเป็นจุดหมายของการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนฮ่องกงมากกว่า 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 52.2% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปฮ่องกงถึง 322,590 คน เพิ่มขึ้น 44.5% จากปี 2566 ซึ่งถ้าเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปฮ่องกงในกลุ่มประเทศ ASEAN แล้ว ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 รองจากฟิลิปปินส์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 600,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้น ในปี 2567 นี้การท่องเที่ยวฮ่องกงคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะมีจำนวนมากกว่า 550,000 คน หรือเทียบเท่าปี 2561 ที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยมากถึง 571,606 คน ถึงแม้ว่าจำนวนเที่ยวบินยังคงอยู่ในระดับประมาณ 85% ของช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาด
ทั้งนี้ นายพจน์ กล่าวว่า ทั้งรายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะทางฮ่องกงจัดอีเว้นท์ระดับประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปสัมผัส โดยจะมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร ทั้งอาหาร ดนตรี และความเชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเดินทางไปเที่ยววัดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มในปนะเทศฮ่องกงเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการจัดทำสินค้าปลอดภาษี จึงทำให้สร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น