ออกพรรษาปีนี้ ตรงกับวันที่ 17 ต.ค.2567 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เชื่อกันว่าปีน้ำมาก บั้งไฟพญานาคก็จะขึ้นมากเช่นกัน จากสถิติในอดีตที่ผ่านมา หากใครพลาดในวันขึ้น 15 ค่ำ ก็รอดูอีก 1 วันคือวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ก็ยังมีความหวังได้เห็นอีกวัน ตามจุดชมบั้งไฟพญานาคที่ ลานพญานาค อ.ปากคาด เลยลงไปถึงบ้านต้าย และบ้านท่าสีไค ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง
เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย.ผ่านมา ที่ถนนข้าวเม่าริมแม่น้ำโขง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรม ภายใต้ชื่องาน “13 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานแถลงข่าว นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าฯ นายวินัย โตเจริญ รองผู้ว่าฯ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัด นายสมหวัง อารีย์เอื้อ หัวหน้าสำนักงานฯ นายกริชชัย ศิลปะรายะ ท้องถิ่นฯ นางสุกันยา อนันตทัศน์ รอง นายก อบจ.นายไตรภพ รำเพยพล รอง นายกฯ อบจ.นายพุทธาสิทธิ์ จันทร์เต็ม ประชาสัมพันธ์ฯ พ.ต.อ.นาคินทร์ พลโยธา ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัด นายบุญเพ็ง ลามคำ ประธานหอการค้าจังหวัด นายธนาพงศ์ แสนสุภา รองนายก ทม.บึงกาฬ นายบุญมา-นางพิกุล พันดวง บุญมาทีวี ดร.นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ. ผู้แทน ทกจ. หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนและประชาชนร่วมแถลงข่าว
การแถลงข่าววันนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้การจัดงาน "13 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ" และเชิญชวน ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ซึ่งการจัดงานออกพรรษาจังหวัดบึงกาฬในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 ณ บริเวณถนนข้าวเม่าริมโขง อำเภอเมืองกาฬ จังหวัดบึงหวัดบึงกาฬ ชมบั้งไฟพญานาคในวันขึ้น 15 ค่ำและวันแรม 1 ค่ำ ตรงกับวันที่ 17-18 ตุลาคม 2567 จากในอดีตผ่านมาปีไหนน้ำโขงมากปีนั้นบั้งไฟพญานาคก็จะขึ้นมามากเช่นกัน
ด้านวัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายด้านการท่องเที่ยว ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
(พ.ศ. 2561-2580) ด้านที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน และยุทธศาสตร์ การพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดบึงกาฬ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้อันเกิดจากธุรกิจการท่องเที่ยว ให้แก่ ประชาชนทั่วไป ตลอดจนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทุกภาคส่วน ภายในจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวในเขตจังหวัดบึงกาฬ ให้ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รู้จักอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นโอกาสให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้ร่วมสืบสานประเพณีศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ของจังหวัดบึงกาฬให้คงอยู่สืบไป
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การประกวดเต้นบาสโลบการแสดงศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่น ของเยาวชนจากสถาบันการศึกษาจังหวัดบึงกาฬ การประกวดธิดานาคาบึงกาฬ การประกวดพานบายศรี การออกร้านค้าสินค้าโอทอป การแสดงของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ มนต์แคน แก่นคูณ เพชร สหรัตน การแสดงของคณะหมอลำที่มีชื่อเสียง มีคณะระเบียบวาทะศิลป์ เอ อนุชา เด้าฟ้าปี้น และคณะเสียงวิหกนพพงศกร กิจกรรมการไหลเรือไฟโบราณ และไหลประทีปพุทธบูชา
นายจุมพฏ วรรณฉัตรศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ไม่มีการเก็บเงินทั้งสิ้นฟรีหมดทุกอย่าง หมอลำหรืองานดนตรีต่างๆฟรีหมด กิจกรรมในปีนี้ค่อนข้างเยอะ แต่บอกเลยว่ากันจัดงานครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของชาวบึงกาฬที่จะมีประเพณีออกพรรษา อยากทำให้ชื่อเสียงของจังหวัดบึงกาฬในฐานะเป็นมหานครนาคา เป็นที่รู้จักขจรขยายไปทั่วประเทศไทย เมื่อปีที่แล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่แปดแสนคน เชื่อว่าปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวถึงหลักล้านคนขึ้น เป็นการสร้างชื่อเสียงให้มากขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้และเศรษฐกิจมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬที่จะมีแลนด์มาร์คในบริเวณจัดงานต่อไปในอนาคต จึงขอฝากพี่น้องชาวจังหวัดบึงกาฬเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และปีต่อๆไปงานวันออกพรรษาก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นต่อเนื่อง
นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่านไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ส่วนราชการ ซึ่งผู้ว่าได้ให้ความสำคัญในการจัดงานออกพรรษาปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 ริเริ่มจัดงานปี 2565 ในขณะที่เราเป็นผู้บริหารอบจ.เรามีโอกาสได้บริหาร โอกาสเรื่องการท่องเที่ยว ปากท้อง การกระจายรายได้ของชาวบึงกาฬ การแสดงออกความพร้อมความสามัคคีของชาวบึงกาฬ ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นทางสื่อมวลชน และก็สมาชิกสภาจังหวัด นายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ก็มาร่วมด้วยงานด้วย งานที่จะมีขึ้นนี้จะบ่งบอกได้ว่าชาวบึงกาฬรอคอย นักท่องเที่ยวลงหมายไว้เป็นปฏิทินท่องเที่ยว ทราบมาว่าโรงแรมเต็มหมด จากสถานการณ์น้ำท่วมด้วยแล้วเราเสียโอกาสตรงที่พอดูข่าวอาจจะเป็นข่าวที่มันเกินความเป็นจริงไปบ้างทำให้นักท่องเที่ยวที่เขามีปฏิทินท่องเที่ยวว่าจะมาเที่ยวบึงกาฬน้ำตกถ้ำพระมีสไลเดอร์ทางธรรมชาติซึ่งที่อื่นไม่มีต่างก็ยกเลิกปฏิทินท่องเที่ยวไปตรงนั้นซึ่งเราเองชาวบึงกาฬสถานการณ์น้ำท่วมไม่ได้รุนแรงขนาดต้องยกเลิก ห้วงเวลาได้คลี่คลายไปเยอะแล้วอีก 20 กว่าวัน น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่อนคลายลงแล้วทุกคนอยากมาเที่ยวบึงกาฬ อันนี้คือเจตนาของอบจ.บึงกาฬ เราส่งเสริมตรงนี้ไม่ว่าจะสถานการณ์ที่ทำให้ทุกคนต่างตกใจว่าบึงกาฬน้ำท่วมเรอเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเราอยู่นะที่นี่ว่าไม่ได้หนักหนาว่าต้องยกเลิกท่องเที่ยวไป วันนี้มีงานออกพรรษามาถือว่าเป็นการชดเชย ทุกคนก็ที่จะมาชมงานครั้งนี้
จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกัน อันเป็นความภาคภูมิใจของชาวบึงกาฬที่จะมีประเพณีออกพรรษา ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้และเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬที่จะมีแลนด์มาร์คในบริเวณจัดงานต่อไปในอนาคต โดยมี ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ขับเคลื่อนการพัฒนาดังกล่าว