วันที่ 25 ก.ย.67 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาในคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกลเป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐาน "หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ" ที่ห้องพิจารณา 908 พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 24,062,475 บาท จากกรณีที่นายณฐพร ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาพรรคก้าวไกลละเมิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
โดนนาย ณฐพร โตประยูร เปิดเผยว่า วันนี้ไม่มีความกังวล มั่นใจว่าน่าจะจบได้ เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบไปแล้ว ดังนั้น โจทก์ที่เป็นนิติบุคคลก็ต้องถือว่าหมดสภาพไป โดยคดีนี้ เนื้อหาที่พรรคก้าวไกลฟ้องตน คือ กรณีที่ไปยื่นให้ กกต. ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ซึ่งแม้ทาง กกต. จะบอกว่า ไม่ผิด แต่ตนได้ไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่ตนพูดไป เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่มีปรากฎจากสื่อมวลชน ไม่เคยใส่ความ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสื่อ ศาลย่อมรับฟัง อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยแล้วด้วยว่าการระทำของพรรคก้าวไกลเป็นความผิดฐานล้มล้างการปกครอง วันนี้จึงไม่กังวลเลย
"ทุกคดีที่ตนยื่นร้องเรียนนั้น ไม่ได้ใช้เพียงแค่หลักฐานจากสื่อมวลชน แต่ยังมีเอกสารทางราชการประกอบด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร แต่ต้องการทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม" นายณฐพร กล่าว
นายณฐพร กล่าวภายหลังเข้าฟังคำพิพากษาว่า "วันนี้ ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจำหน่ายคดี เนื่องจากพรรคก้าวไกล ได้หมดสภาพนิติบุคคลลงแล้ว ซึ่งศาลก็รับคำร้อง ส่วนทางพรรคก้าวไกล ได้ส่งผู้รับมอบอำนาจมาแจ้งว่ายังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีของโจทก์จะดำเนินการอย่างไร ศาลจึงเลื่อนไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น."
นอกจากนี้นาย ณฐพร ยังกล่าวอีกว่า ตามหลักกฎหมาย เมื่อโจทก์สิ้นสภาพนิติบุคคล ก็ถือว่าคดีต้องหมดไป และไม่สามารถยื่นฟ้องใหม่ได้แล้ว ทั้งนี้ ส่วนตัวตนอยากให้ศาลมีคำพิพากษามากกว่า เพราะจะได้เห็นเนื้อหาของคดีให้ชัดเจนไปเลย แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย