อช.สามร้อยยอด ดักจับชาวบ้านแอบขึ้นเขา ขนหินพระธาตุ พร้อมยาบ้า 101 เม็ด ได้ผู้ต้องหา 7 คน หลบหนีไปได้อีกหลายคน 

วันที่ 23 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด พร้อมด้วย นายสุพิน สำแดงเดช หัวหน้าชุดลาดตระเวนฯ  สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปราม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ รวม 15 นาย วางแผนบุกจับกลุ่มบุคคลที่ลักลอบขึ้นเขาสามร้อยยอดเพื่อไปตัดหินภายในถ้ำมังกร กระทั้งสามารถควบคุมตัว ผู้ต้องหาชาย จำนวน 7 คน พร้อมของกลาง เป็นหินพระธาตุ จำนวน 3 กระสอบ น้ำหนักกว่า 120 กิโล รถจักรยานยนต์รวม 13 คัน เรือ 2 ลำ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ อีกหลายรายการ และยังตรวจพบ ยาบ้าเม็ดสีส้ม อีกจำนวน 101 เม็ด ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลว่า ขณะเข้าควบคุมตัวมีชายในกลุ่มสามารถวิ่งหลบหนีไปได้อีกหลายราย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาให้ปากคำเบื้องต้นที่บริเวณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด  โดยมีนายอำเภอสามร้อยยอด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด เข้าร่วมตรวจสอบด้วย 


นายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เปิดเผยว่า ชายที่ถูกจับกุมทั้งหมด ลักลอบขึ้นไปตัดหินพระธาตุในถ้ำมังกร บนยอดเขาสามร้อยยอด ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หมู่ที่ 5 บ้านเกาะไผ่ ตำบลไร่เก่า อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ซึ่งหินพระธาตุดังกล่าวชาวบ้านมีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ที่ผ่านมามักจะมีการลักลอบปีนเขาขึ้นไปใช้เครื่องมือ ตัดหินจากในถ้ำเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ขนใส่ถุงแบกลงมาขายบ่อยครั้ง  

โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า มีชาวบ้านบางส่วนแอบขึ้นไปเก็บหินพระธาตุที่เคยถูกลักลอบตัดไว้ก่อนหน้านี้ ตามบริเวณเส้นทางที่จะขึ้นไปถ้ำมังกร และภายในถ้ำมังกร จากการตรวจสอบพบว่า มีหินที่ผ่านการตัดเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นเศษและเป็นก้อน ชาวบ้านมักจะนำใส่ถุงปุ๋ยหรือถุงกระสอบ ที่ดัดแปลงทำเป็นเป้สะพายหลัง แบกหินลงมาจากเขา ครั้งละประมาณ 30-50 กิโลกรัม เพื่อนำมาขายให้กับพ่อค้าคนกลาง หรืออาจจะมีออเดอร์เข้ามา โดยจะขายได้ครั้งละ ประมาณ 3,000-4,000 บาท แม้ว่าจะเป็นเศษหินที่แตกหักแล้ว ซึ่งคนรับซื้อจะนำไปแกะสลักเป็นของที่ระลึก อาทิ สร้อยข้อมือ สร้อยคอ พระขนาดเล็ก ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่กลุ่มนายทุนชาวไต้หวันมีความต้องการมาก เพราะมีความเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน 

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด กล่าวเพิ่มเติมว่า การสอบปากคำเบื้องต้น ส่วนใหญ่รับว่าเป็นชาวบ้านเกาะไผ่ และอ้างว่าขึ้นเขามาขนหินเป็นครั้งแรก เพื่อนำเอาเศษหินมาเก็บไว้แกะเป็นของที่ระลึก ขายหารายได้ และบางส่วนยอมรับว่า มีคนมาขอรับซื้อหินดังกล่าว 

เป็นที่น่าสังเกตุว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จะรู้จักเส้นทางขึ้นไปถ้ำมังกร ซึ่งเป็นบ่อหินที่มักมีการลักลอบขึ้นไปตัด เนื่องจากเป็นจุดที่เนื้อหิน มีสีสันและลวดลายสวยงาม โดยบ่อมังกรมีเส้นทางหลบหนีได้ถึง 3 เส้นทาง แม้เจ้าหน้าที่จะวางกำลังตรวจสอบและบุกเข้าจับกุม แต่การจับกุมก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก การเดินขึ้นลงเขาจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นเทือกเขาสูงมีความชันมาก หากเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่มีความชำนาญ ใช้เวลาเดินขึ้นลง ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่หากเป็นบุคคลที่ไม่เคยขึ้นลง จะต้องใช้เวลานานกว่าเป็นเท่าตัว และหากไม่รู้เส้นทางจะต้องหลงทาง แต่พวกที่ลักลอบขึ้นไปตัดหินเหล่านี้จะรู้เส้นทาง และมีคนคอยดูต้นทางทั้งด้านล่างและด้านบนเพื่อส่งสัญญาณให้คนบนเขาหลบหนีหากรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ 


สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ 7 รายนั้น แบ่งเป็น ผู้ที่มีหินของกลางขณะจับกุม จำนวน 2 ราย พร้อมยาบ้า 101 เม็ด โดยตรวจพบว่า มี 1 ราย เป็นบุคคลที่หลบหนีการจับกุมในครั้งก่อน และอีก 4 ราย ขณะจับกุมไม่มีของกลาง แต่มีความผิดฐาน ลักลอบเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับรายละ 1,500 บาท 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา สำหรับผู้ที่มีหินของกลาง มีความผิดตามความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ปี 2562 โดยมีความผิดทั้งเก็บนำพา มีโทษจำคุก หรือทั้งจำและปรับ รวมทั้งบทลงโทษในการเข้ามาในอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังทำบันทึกและทำบัญชีของกลางและแจ้งข้อหาความผิดแล้ว ได้นำส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยชาย 1 ราย ที่ครอบครองยาบ้า 101 เม็ด จะถูกเพิ่มข้อกล่าวหา มียาเสพติด(ยาบ้า)ไว้ในการครอบครองและจำหน่าย ส่วนรถจักรยานยนต์ จำนวน 13 คันที่ตรวจพบที่เชิงเขา ทางอุทยานฯ ได้ยึดไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถของผู้ใด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายเพิ่มเติมด้วย


มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีชายลักลอบขึ้นไปตัดหินพระธาตุในถ้ำมังกร ก้อนละประมาณ 30-40 กิโลกรัม และแอบขนหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไปได้ ซึ่งหินที่ขนมามีลวดลายสวยงาม และมีเม็ดพระธาตุ หรือเม็ดหินฟอสซิลอยู่ในเนื้อหิน ปรากฎว่าสามารถขายได้ราคาสูงถึง 120,000 บาท ทำให้คนที่รู้ข่าว เกิดอยากได้เงินแสนบ้าง จึงได้พยายามลักลอบขึ้นเขาไปตัดหินเป็นกลุ่มๆ หมุนเวียนกัน  ทำให้ช่วงนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ต้องออกลาดตระเวนอย่างหนัก เพื่อป้องกันการลักลอบตัดหินดังกล่าว  และจะป้องกัน ด้วยการตั้งจุดตรวจบริเวณสำนักสงฆ์เกาะไผ่ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขึ้นเขาต่อไป