ถือเป็นปรากฏการณ์ “มือก็ไกว ปืนก็แกว่ง” ในยูเครน ประเทศที่กำลังผจญกับสงคราม ณ ชั่วโมงนี้

สำหรับ การที่เหล่าสตรีชาวยูเครน ที่ตบเท้าเข้าร่วมกับกองทัพ เป็นทหารหญิง เพื่อดำเนินการสู้รบ ต่อกรกับทหารชายอกสามศอกของกองทัพรัสเซีย ที่ยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามารุกรานประเทศของพวกเธอ จนพังล่มมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา อย่างไม่กลัวเกรง แม้ว่าพวกเธอเหล่านั้น จะต้องพลีชีพเพื่อชาติ คือ ต้องสูญเสียชีวิตจากการสัประยุทธ์กับทหารกองทัพรัสเซียที่เป็นชายก็ตาม

ล่าสุด กองทัพทหารหญิงแห่งยูเครน ก็ได้เพิ่มภารกิจของพวกเธอ ที่นอกจากสู้รบกับทหารรัสเซียที่เป็นผู้ชายแล้ว ก็ยังได้มีภารกิจสกัดการโจมตีด้วย “โดรนทางการทหาร” หรือ “โดรนติดอาวุธ” ที่ทางกองทัพรัสเซีย ส่งมาถล่มพื้นที่ต่างๆ ยูเครน อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเธออีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “โดรนทางการทหาร” หรือ “โดรนติดอาวุธ” แล้ว ต้องจัดเป็นอาวุธโจมตีจากกองทัพรัสเซียที่สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ยูเครนเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของยูเครนที่มาจากน้ำมือของทหารรัสเซีย ซึ่งก็นับว่ามากกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่กรุงเคียฟ อันเป็นเมืองหลวงของยูเครน ตกเป็นเป้าการโจมตีด้วยโดรนติดอาวุธจากกองทัพรัสเซีย แทบไม่เว้นแต่ละวัน สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง เพราะขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงแล้ว ก็แน่นอนว่า มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น เช่นเดียวกับตึกรามบ้านช่องที่มีเป็นจำนวนมาก

โดยภารกิจต่อต้านการโจมตีด้วยโดรนติดอาวุธของทหารหญิงชาวยูเครนที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ก็มีบรรดาสตรีชาวยูเครนแห่ตบเท้าเข้าร่วมนับร้อยคนเลยทีเดียว

พร้อมกันนั้น ก็ยังตั้งชื่อเหล่าทัพของพวกเธอด้วยว่า “กองทัพแม่มดแห่งบูกา”

โดยคำว่า “บูกา” เป็นชื่อนครในแคว้นเคียฟ อันเป็นแคว้นที่ตั้งของ “กรุงเคียฟ” เมืองหลวงของยูเครน นั่นเอง ซึ่งนครแห่งนี้จะถูกใช้ราวกับเป็นกองบัญชาการใหญ่ของกองทัพแม่มดแห่งบูกาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แรกรับการเข้าสมัครของทหารหญิง ที่จะเป็นกำลังพลของกองทัพแม่มดแห่งบูกา การฝึกฝนทางการทหาร ยุทธวิธีต่างๆ ในการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยิงด้วยอาวุธปืนประจำกายหลักอย่างปืนเล็กยาวอัตโนมัติไรเฟิลชนิดต่างๆ เช่น เอเค-47 หรืออาก้า เป็นต้น รวมไปถึงการยิงด้วยอาวุธปืนกลหนัก ปืนกลเบาทั้งหลาย เพื่อสกัดโดรนติดอาวุธที่กองทัพรัสเซียยิงโจมตีเข้ามา หรือแม้กระทั่งหากต่อกรกับทหารรัสเซียเมื่อเผชิญหน้ากัน พวกเธอก็พร้อมที่สู้รบด้วย

อย่างไรก็ดี กองทัพแม่มดแห่งบูกานี้ ก็ไม่ถึงกับได้รับการจัดตั้งให้เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนว่า อาจจะไม่ได้รับสวัสดิการต่างๆ เป็นพิเศษจากทางการ นอกจากเป็นเพียงกำลังพลๆ หนึ่งของกองทัพเท่านั้น เฉกเช่นทหารทั่วไปของยูเครน แต่ทว่า พวกเธอก็เต็มใจสำหรับการปฏิบัติภารกิจต่อต้านโดรนติดอาวุธที่อันตรายสูงอย่างไม่พรั่นพรึง

โดยกองทัพแม่มดแห่งบูดาดังกล่าว ทางยูเครน ถือว่าเป็นงานอาสาสมัคร และอาจจะเรียกได้ว่า เป็นงาน “นอกเวลา” หรือ “พาร์ท-ไทม์” (Part-time) เท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ “กองทัพแม่มดแห่งบูกา” ก็เริ่มขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านั้น กองทัพรัสเซียได้ปรับยุทธวิธีจากการใช้กำลังพลของทหารหาญเข้าสัประยุทธ์ มาเป็นการใช้โดรนติดอาวุธโจมตียูเครนแทน เพื่อลดความสูญเสียของกำลังพล ที่รัสเซียสูญเสียไปไม่น้อยในการสู้รบกับกองทัพยูเครนเมื่อก่อนหน้า

จากเดือนเมษายนเป็นต้นมา ซึ่งมีสตรีชาวยูเครนเข้าร่วมกองทัพแม่มดแห่งบูกาอยู่จำนวนหลักสิบคน ถึง ณ ปัจจุบัน “กองทัพแม่มดแห่งบูกา” มีกำลังพลอยู่ราวๆ 100 คน อายุเฉลี่ยของสมาชิกที่มาร่วมกองทัพแม่มดแห่งบูกา ก็อยู่ที่ประมาณ 19 – 64 ปี

โดยพวกเธอเหล่านี้ รับการฝึกด้านการยิงปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติชนิดต่างๆ เช่น เอเค-47 หรืออาก้า เป็นต้น และปืนกล ตามยุทธวิธีต่างๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ไล่ไปตั้งแต่การถือปืนอย่างถูกต้อง การบรรจุกระสุนปืน และการเล็งปืนยืนให้ถูกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ ก็คือ เพื่อยิงสกัดกั้น หรือต่อต้าน โดรนติดอาวุธ ที่รัสเซียส่งเข้ามาโจมตี ให้แตกทำลายกลางอากาศ ก่อนโดรนติดอาวุธเหล่านั้น จะโจมตีถูกเป้าหมาย หรือตกถึงพื้นดินสำแดงประสิทธิภาพของมันออกมา เพราะนั่น! อาจจะหมายถึงชีวิตของพวกเธอเหล่าแม่มดแห่งบูกา นอกเหนือจากชีวิตของผู้คนอื่นๆ และอาคารทรัพย์สินต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากโดรนติดอาวุธของกองทัพรัสเซียแล้ว

การเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนเล็กยาวของทหารหญิงยูเครน (Photo : AFP)

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกเธอประจันหน้ากับทหารรัสเซียที่เป็นผู้ชายมนุษย์ตัวเป็นๆ ที่บุกเข้ามา พวกเธอก็พร้อมที่จะประจัญบานด้วยอาวุธปืนเล็กยาว ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายหลักของพวกเธอ หรือกระทั่งปืนกลหนัก ปืนกลเบา โดยไม่เกี่ยงอีกด้วยเช่นกัน

จากการสัมภาษณ์ของสมาชิกกองทัพแม่มดแห่งบูการายหนึ่ง ซึ่งอายุอานามก็ 51 ปีเข้าไปแล้ว และเป็น “แม่ลูกสาม” คือ มีลูกชายอยู่ 3 คน ได้เปิดใจว่า เธอมีความสุขอย่างมากที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งของทีมกองทัพแม่มดแห่งบูกา พร้อมกับมีความภาคภูมิใจในฐานะที่มีส่วนร่วมในการปกป้องมาตุภูมิ ประเทศบ้านเกิดของเธอ

ขณะที่ สมาชิกทีมกองทัพแม่มดแห่งบูกาอีกนางหนึ่ง ระบุว่า เมื่อได้ผ่านการฝึกและสวมเครื่องแบบทหารแล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นชาย หรือเป็นหญิง แต่ถือเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องประเทศด้วยกันทั้งหมด โดยทั้งหญิงและชาย ล้วนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เฉกเช่นเดียวกัน

การฝึกฝนทางยุทธวิธี พร้อมการใช้อาวุธปืนเล็กยาว ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายหลักของทหารหญิงยูเครน (Photo : AFP)

นอกจากการยิงปืนชนิดต่างๆ ทั้งเพื่อสกัดกั้น หรือต่อต้าน โดรนติดอาวุธ และต่อกรกับทหารรัสเซียแล้ว บรรดาสมาชิกของทีมกองทัพแม่มดแห่งบูกาเหล่านี้ ก็ยังสามารถสร้างบังเกอร์ ขุดสนามเพลาะ หรือแม้กระทั่งสร้างคูกับดักรถถังได้อย่างน่าทึ่งอีกต่างหากด้วย

การตัดเย็บผ้าเพื่อใช้ในการสร้างบังเกอร์ของอาสาสมัครหญิงยูเครน (Photo : AFP)