"ดุสิตโพล"สะท้อนปชช.ไม่เชื่อมั่น-ไม่พอใจ "แผนป้องกัน-จัดการน้ำท่วม"ของรัฐบาล

 

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "คนไทยกับสถานการณ์น้ำท่วม" กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,207 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2567 สรุปผลได้ ดังนี้

1. ประชาชนเคยประสบปัญหาน้ำท่วมหรือไม่

อันดับ 1 เคย 68.77%

อันดับ 2 ไม่เคย 31.23%

2. ประชาชนคิดว่าอะไรคือสาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบัน

อันดับ 1 การกระทำของมนุษย์ 42.49%

อันดับ 2 การบริหารจัดการของภาครัฐ 41.41%

อันดับ 3 ปัจจัยทางธรรมชาติ 35.19%

3. ในช่วงที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม ประชาชนมีวิธีเตรียมพร้อมและรับมืออย่างไรบ้าง

อันดับ 1 ติดตามข่าวสารและการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด 70.05%

อันดับ 2 ย้ายสิ่งของมีค่า สัตว์เลี้ยง และเครื่องใช้ไฟฟ้าไปไว้ที่สูง 68.55%

อันดับ 3 เตรียมอาหารแห้ง น้ำดื่ม อุปกรณ์จำเป็นต่างๆ 62.63%

4. ณ วันนี้ ประชาชนเชื่อมั่นต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลหรือไม่

อันดับ 1 ไม่เชื่อมั่น 69.76%

อันดับ 2 เชื่อมั่น 30.24%

5. ณ วันนี้ ประชาชนพึงพอใจกับการจัดการปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลหรือไม่

อันดับ 1 ไม่พึงพอใจ 77.80%

อันดับ 2 พึงพอใจ 22.20%

6. สิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึงรัฐบาลแพทองธาร กรณีน้ำท่วม

อันดับ 1 อยากให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและทันท่วงที 64.07%

อันดับ 2 ควรบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ วางแผนป้องกันระยะยาว 54.75%

อันดับ 3 มีมาตรการฟื้นฟู เยียวยา หลังน้ำลดอย่างเหมาะสม 51.36%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เคยประสบปัญหาน้ำท่วม แม้จะสามารถเตรียมรับปัญหาได้ด้วยตนเองส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและรู้สึกไม่พึงพอใจกับการจัดการปัญหาปัจจุบัน โดยคาดหวังให้เร่งช่วยเหลือและบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแผนป้องกันระยะยาวและมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจประชาชนให้มากขึ้น

ด้าน ผศ.ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ชัดเจนว่าประชาชนยังไม่พึงพอใจต่อการจัดการปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลที่ทำงานเชิงรับมากกว่าเชิงรุกในการเข้าไปช่วยเหลือและบริหารจัดการในสถานการณ์ที่ประชาชนประสบเหตุอุทกภัยอย่างหนักและรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ภาพปรากฏที่เห็นจากสื่อต่างๆ เห็นเพียงอาสาสมัครและภาคเอกชนที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยทันที ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นต่อการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล

"ในข้อที่ประชาชนอยากฝากถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันก็คือการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยแท้จริงแล้วรัฐบาลมีกฎหมายและแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและประชาชนจะได้ทราบถึงแนวการปฏิบัติและเตรียมรับมือเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์อุทกภัย" ผศ.ดร.เขมภัทท์ กล่าว