วันที่ 21 ก.ย.67  ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่า  ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ให้เร่งแก้ปัญหายาเสพติด เด็ดขาด ครบวงจร  จึงมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้สืบนครบาลทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้อหาร้ายแรงให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม นั้น

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย และ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์  ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ, พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2บก.สส.บช.น.
จับกุมนายอ้น (ขอสงววนามสกุล) และนายนิพนธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี พร้อมองกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) บรรจุภัณฑ์ถุงชาสีเขียว จำนวน 80 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 80 กิโลกรัม ,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองประมาณ 38.14 กรัม,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมถุงรวมหลอดพลาดสติกสีขาวประมาณ 0.88 กรัม และ อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ยี้ห้อ Smith & Wesson รุ่น 5906 สีเงิน จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน จำนวน 1 ซอง ,ปืนลูกซองยี่ห้อ Remington รุ่น 870 สีดำ จำนวน 1 กระบอก ,กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด ,กระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 2 นัด ,กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 3 นัด ,กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 41 นัด,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง,รถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น MU-X สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน  “ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ” และ“หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา”


“ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ,  มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ไว้ในครอบครองโดยกฎหมายและ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" และ “หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา” โดยจับกุมบริเวณได้ที่บริเวณที่ให้เช่าจอดรถภายในซอย รังสิต-ปทุมธานี 14 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ต่อเนื่อง บริเวณริมถนนหน้าร้านเล็บ ซอยรังสิต-ปทุมธานี 12 ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ต่อเนื่อง บ้านพัก ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ซอย 9 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวถึงพฤติการณ์ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดย่านรังสิต ซึ่งได้ใช้รถยนต์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร และได้จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ภายในซอย รังสิต-ปทุมธานี 14 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดดังกล่าวมักมีพฤติกรรมมามั่วสุมกันอยู่บริเวณบ้านดังกล่าว จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและผู้บังคับบัญชาได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณระแวก ใกล้เคียง สถานที่ดังกล่าว 

ต่อมาวันที่ 17 ก.ย.2567 ช่วงเช้าตรู่ พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมารถยนต์คันดังกล่าวได้กลับมาจอดบริเวณ หน้าบ้านพัก ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ซอย 9 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และได้มาจอดบริเวณ พื้นที่ให้เช่าจอดรถ ภายในซอย รังสิต-ปทุมธานี 14 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมน่าสงสัยซึ่งน่าจะเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้จัดกำลังติดตามไป เพื่อไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่บริเวณใกล้เคียง พื้นที่ให้เช่าจอดรถภายในซอย รังสิต-ปทุมธานี 14 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และ บ้านพัก ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ซอย 9 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 

จากการเฝ้าสะกดรอยติดตามบริเวณข้างต้นพบว่าเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. พบชายใส่เสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้น เดินออกจากบ้านพัก มาขับรถยนต์ยป้ายหมายเลขทะเบียน กทม. แล้วมาจอดบริเวณริมถนนหน้าบริเวณพื้นที่ให้เช่าจอดรถ ภายในซอย รังสิต-ปทุมธานี 14 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี (สถานที่จับกุม) แล้วชายคนขับลงจากรถ เดินมาเปิดรถยนต์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร (รถที่ซุกซ่อนยาเสพติด) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าชายดังกล่าวคือ นายอ้น  จากนั้นได้ขอทำการตรวจค้นตัวนายอ้นฯโดยก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ และ แสดงบัตร ปปส. ให้นายอ้นฯดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้เริ่มทำการตรวจค้น

ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายที่ตัวนายอ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอทำการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว โดยก่อนทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ให้นายอ้น ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้เริ่มทำการตรวจค้น โดยได้ทำการตรวจค้นต่อหน้านายอ้นฯ ผลการตรวจค้น พบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 80 ถุง น้ำหนักรวม 80 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายใน ภายในห้องโดยสารรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร 

และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดได้ทำการจับกุม นายนิพนธ์ ได้ที่บริเวณ บ้านพักภายใน ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ซอย 9  ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว โดยก่อนทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ และ ปปส.หมายเลขบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้เริ่มทำการตรวจค้น โดยนายนิพนธ์ฯสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบ อาวุธปืน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ในห้องพักภายในบ้าน ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ซอย 9 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี


ขณะที่ควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท นั้น เนื่องจากสืบนครบาลไม่มีสถานที่ควบคุม เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อผู้ต้องหาทั้งสองได้ออกอุบายกับสิบเวร สน.พญาไท โดยอาศัยจังหวะล็อกคอทำร้ายสิบเวรของ สน. จับขังคุกแทน ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต ธีรเดช ได้รับรายงาน จึงได้รีบสั่งการจัดกำลังไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด พร้อมกดดันอย่างหนักทุกวิถีทาง จนสุดท้ายผู้ต้องหาขอมอบตัวที่ สภ.สีดา จ.นครราชสีมา ตำรวจจึงทำการคุมตัวกลับมา สน.พญาไท 

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในฐานระบบข้อมูล นายอ้น  1.พ.ศ.2562 ข้อหา "ร่วมกันในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันในข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ" สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ปทุมธานี,2.พ.ศ.2563 ข้อหา "ครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ฯ" สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ปทุมธานี,3.พ.ศ.2564 ข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ" สภ.ธัญบุรี ปทุมธานี และนายนิพนธ์  1.พ.ศ.2551 ข้อหา "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1" ฯ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ปทุมธานี ,2.พ.ศ.2558 ข้อหา "ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ฯ" สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ปทุมธานี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้าที่จะถูกจับ วันที่ 17 กันยายน 2567 ช่วงเช้าตรู่ได้ขับรถยนต์ไปรับยาไอซ์มาจากผู้ค้าแถวจังหวัดนนทบุรี จำนวน 100 กิโลกรัม ขับรถมาจอดไว้บริเวณลาดจอดรถใกล้บ้านและได้แบ่งยาไอซ์จำนวน 20 กิโลกรัมไปไว้ในรถ(รถยนต์อีกคัน ยังเหลือของกลางอีก 80 กิโลกรัม) ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.00 น. ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ ซึ่งมียาเสพติด (ไอซ์) จำนวน 20 กิโลกรัม ออกไปส่งให้กับลูกค้าของผู้สั่งการ โดยได้สั่งการให้ติดต่อกับบุคคลที่ใช้บัญชีแอปพลิเคชันไลน์(ผู้สั่งการ ส่ง QR code มาให้สแกน แอด line เพื่อติดต่อกัน) ซึ่งมีอยู่ในโทรศัพท์เครื่องที่ผู้สั่งการได้ให้ไว้ใช้ทำงานยาเสพติด โดยผู้สั่งการให้ไปส่งของ (ไอซ์) ที่บริเวณจังหวัดสมุทรสาคร โดย นัดหมายนักบิน (ู้คนรับยาเสพติด) บริเวณซอยเลยโรงพยาบาล  ผู้ต้องหาทั้งสองได้ช่วยกันยกยาเสพติด (ไอซ์) จำนวน 20 กิโลกรัม ซึ่งบรรจุในถุงพลาสติกสีดำวางไว้ที่ป้ายสีขาวแดงบริเวณดังกล่าว และส่งพิกัดโลเคชันให้กับนักบิน (ผู้ที่จะมารับยาเสพติด) เมื่อส่งยาเสพติดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้โทรศัพท์ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ไปหาผู้สั่งการ เพื่อแจ้งว่าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้ขับรถกลับมายังบริเวณหน้าบ้านและออกไปทำธุระ ในส่วนของค้าจ้างนั้น ก่อนหน้านี้ผู้ต้องได้รับออเดอร์ให้ยาบ้า ยาไอซ์ ยาเค จำนวนไม่มาก ได้ค่าจ้างประมาณ 10,000 - 15,000 บาท แต่รอบนี้ผู้ต้องหารับออเดอร์ส่งยาไอซ์จำนวนมาก จึงได้ค่าจ้าง 100,000 บาท ซึ่งจะนำมาแบ่งกัน 

จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาลงบันทึกจับกุม นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปส.4 บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป