ได้เวลาขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เป็นผู้โชคดีได้เงิน 1 หมื่น จากรัฐบาลในโครงการ “กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ” โดยมีกลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 14.55 ล้านราย แบ่งเป็น “กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ประมาณ 12.40 ล้านราย และ “กลุ่มคนพิการ ซึ่งเป็นผู้เปราะบางที่ขาดความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม” ประมาณ 2.15 ล้านราย
โดยจะได้เงินสด 10,000 บาท สามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต ไม่จำกัดประเภทร้านค้า ซึ่งกรมบัญชีกลางจะเริ่มทยอยจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
- วันที่ 25 กันยายน 2567 คนพิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 0
- วันที่ 26 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 1-3
- วันที่ 27 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 4-7
วันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 8-9
สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ คาดว่าจะมีมากกว่า 1,000,000 แห่ง แบ่งออกเป็น
– ร้านค้าปลีกนิติบุคคล 900,000 แห่ง (คิดเป็น 73.8%)
– ร้านโชห่วย 300,000 แห่ง (คิดเป็น 24.6%)
– ร้านสะดวกซื้อ 20,000 แห่ง (คิดเป็น 1.6%)
งานนี้! รัฐบาลออกมายืนยันว่า จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2567 ได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าการมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.45 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.35%
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งทีมงาน “คณะกรรมการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ” รวมถึงเดินหน้าโครงการ “เติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอล เล็ตเฟส 2” โดยมี “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้คณะกรรมการฯจะดูในเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมทั้งพิจารณาเรื่องอื่นๆที่กระตุ้นเศรษฐกิจและภาพรวมเศรษฐกิจ 12 เดือนข้างหน้า ที่อาจมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป็นของขวัญปีให้กับกลุ่มคนอื่นๆที่ไม่ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจมีแรงส่งได้ทั้งปี
“นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงกรณีคนที่ยังไม่ได้เปิดบัญชีพร้อมเพย์ว่า สามารถไปดำเนินการได้ หากในวันที่มีการโอนแล้วยังตกหล่น หรือไม่ผ่านก็จะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 22 ตุลาคม ครั้งที่ 2 วันที่ 22 พฤศจิกายน และครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 ธันวาคม หากประชาชนอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับแต่ไม่ได้รับเงินในช่วงดังกล่าว ก็จะมีการทดลองโอนอีก 3 ครั้ง ระหว่างนั้นประชาชนสามารถไปแก้ไขการผูกบัญชีให้เรียบร้อยครบถ้วน
ด้าน “นายผยง ศรีวณิช” ประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงความคืบหน้าที่ภาครัฐขอความร่วมมือภาคธนาคารในการเชื่อมระบบชำระเงินลักษณะ Open loop โครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า สมาคมธนาคารไทย (TBA) ได้มอบหมายให้ทาง สำนักงานระบบการชำระเงิน (Payment System Office : PSO) ร่วมกับประธานชมรม CIO ประสานงานกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาระบบ เพื่อทำความเข้าใจสถาปัตยกรรมของระบบและการเชื่อมต่อระบบการชำระเงิน
ทั้งนี้ภาครัฐได้ทยอยส่งแผนพัฒนามาให้กับคณะทำงาน PSO และ CIO เบื้องต้น แต่สมาคมธนาคารไทย โดย PSO และ CIO ตอนนี้มีคำถามและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเดิมเดดไลน์ในการส่งแผนผังเพิ่มเติมของข้อมูลสถาปัตยกรรมภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะใช้เวลาไปอีก 1-2 สัปดาห์ เพราะต้องดูมิติแต่ละฟังก์ชันคืออะไรบ้าง และเรื่องของ API Structure โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการเร่งพูดคุย
“แบงก์ยินดีให้ความร่วมมือ แต่บางแบงก์ก็มีความท้าทาย เพราะต้องมีเรื่องของทรัพยากรและการปรับจูนระบบต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากน้อยไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ธนาคารพยายามเร่งไปให้ได้เร็วที่สุดตามโจทย์ของรัฐบาลอยากให้เกิด เพื่อจะได้เกิด Inclusion ในวงกว้าง”
ขณะที่มุมมองนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ “นายธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการประเมินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทโดยการแจกเป็นเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง กว่า 14 ล้านคนในช่วงเดือนก.ย.นี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ให้เติบโตราว 3.5-4% และในภาพรวมคาดว่าจะช่วยกระตุ้น GDP ของทั้งปีให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% เป็น 2.7-2.8% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 จะเติบโตราว 2.5%
โดยกลุ่มดังกล่าวเมื่อได้รับเงินดิจิทัล วอลเล็ตไปก็จะทำการใช้จ่ายทันที และ เงินจะไหลไปในกลุ่มอาหาร การซื้อของใช้ต่าง ๆ ภายในพื้นที่ จึงเชื่อว่า อย่างน้อยเงินจะหมุน 2 รอบ ซึ่งจะทำให้ไตรมาส 4/67 จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.5-4% และถ้าหากรัฐบาลกระตุ้นการใช้จ่ายต่อเนื่องจะทำให้ปี 68 จีดีพีขยายตัวได้ 3.5-4% และ หนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 89-89.5% ต่อจีดีพี จากปีนี้ 90.4-90.8% ต่อจีดีพี
"การให้เงินสดกับกลุ่มเปราะบางกลุ่มนี้เมื่อได้เงินแล้วจะใช้เงินทันที ซึ่งคิดว่าเงินจะไหลไปในกลุ่มประเภทอาหาร การซื้อของใช้ต่างๆภายในพื้นที่ เชื่อว่าอย่างน้อยเงินจะหมุน 2 รอบ ทำให้ GDP ทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% จากเดิมที่เราคาดไว้ที่ 2.5% ปีนี้ก็มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.7-2.8% ได้"
การแจกเงินจากรัฐบาล สู่ ประชาชนเริ่มขึ้นแล้ว!!!
ดูกันต่อไปว่า เงินที่ประชาชนได้นั้น ได้ใช้อย่างที่ตัวเองต้องการใช้หรือไม่ !?!
ซึ่งจะส่งผลชัดเจนต่อการกระอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจกว่าแสนล้าน จะคุ้มหรือไม่!?!
เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป!!!