ชั่วโมงนี้ต้องส่งกำลังใจ พร้อมกับความช่วยเหลือ เข้าไปในหลายพื้นที่ที่กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็น “มหาอุทกภัย” โดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปกลาง และภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่ผจญกับภัยน้ำท่วมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในภาคพื้นทวีป อย่างไทย ลาว และเมียนมา หรือแม้กระทั่งประเทศที่สภาพภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ อย่างฟิลิปปินส์ เป็นต้น
โดยสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศย่านภูมิภาคยุโรปกลาง ที่กำลังประสบชะตากรรม มาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ จนสร้างความภินท์พังแก่พื้นที่ ได้แก่ ออสเตรีย โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี โปแลนด์ โรมาเนีย สโลวะเกีย และเซอร์เบีย ล่าสุด มวลน้ำก็ได้ทะลักลามเข้าท่วมถึงฮังการีแล้ว เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มวลน้ำจำนวนมหาศาล ที่ไหล่บ่าเข้าท่วมในหลายประเทศดังกล่าวนั้น ก็มาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยมีการระบุว่า เกิดฝนตกหนักครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี หรือที่เรียกว่า “ฝน 100 ปี” อันเป็นผลจากอิทธิพลของพายุที่ชื่อว่า “บอริส” ที่พัดกระหน่ำจากย่านคาบสมุทรบอลข่าน และตอนใต้ของทวีปยุโรป เช่น อิตาลี ขึ้นไปภาคพื้นทวีป ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมสูงฉับพลันในหลายประเทศตามที่กล่าวแล้วข้างต้น พร้อมกับสร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินเป็นบริเวณกว้าง ตลอดจนมีผู้คนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากอีกต่างหาก ถึงขนาดจัดให้อุทกภัยครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคยุโรปกลางในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว
ตามรายงานข่าว ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 23 รายจากประเทศต่างๆ สำหรับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ ประชาชนหลายแสนคนได้รับผลกระทบ เอาเฉพาะที่สาธารณรัฐเช็ก ก็มีจำนวนกว่า 260,000 คนแล้วที่ต้องอยู่กับสภาพไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่นับทรัพย์สินที่เสียหายในหลายประเทศ เช่น เหตุสะพานพังในเยอรมนี เป็นต้น
ขณะที่ หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงจีนตอนใต้ เสียหายหนักยิ่งกว่า กับมหาอุทกภัย น้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” ที่ก่อตัวจากทะเลจีนใต้ ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ก่อนทวีกำลังแรงด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 195 - 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดถล่มไปในหลายประเทศ ไล่ไปตั้งแต่ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เวียดนาม เป็นต้น ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ความรุนแรงของซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกดังกล่าว ซึ่งถือเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 1 ใน 4 ของปีนี้ที่มีความรุนแรงระดับ 5 กันเลยทีเดียว สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอย่างกว้างขวางเช่นกันทันทีที่พายุพัดถล่ม พร้อมกันนั้นอิทธิพลของพายุได้ก่อเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดน้ำท่วมสูงฉับพลัน รวมถึงดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เมียนมา ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เพิ่มความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น
โดยมีรายงานว่า เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจากพายซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ยางิ” และอิทธิพลของพายุลูกนี้แล้วจำนวนอย่างน้อย 603 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 2,156 ราย พร้อมกับมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 141 ราย อีกนับล้านคนของประชากรที่ได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับผลกระทบ
ในจำนวนของผู้เสียชีวิตนั้น ปรากฏว่า เวียดนามมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดกว่า 260 ราย ด้วยกัน รองลงมาเป็นเมียนมา ที่เสียชีวิตราว 226 ราย คาดว่า ทั้งสองประเทศจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนขึ้นอีก เพราะยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนความเสียหายทางทรัพย์สินนั้น จากการประเมินเบื้องต้น ระบุว่า ไม่ต่ำกว่า 1.44 หมื่นล้านดอลลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวกว่า 4.79 แสนล้านบาท
ท่ามกลางความวิตกกังวลของบรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก ที่ต่างเป็นห่วงว่า สถานการณ์หายนะในลักษณะนี้ที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ปีนับจากนี้ จะทวีความรุนแรงหนักขึ้น และยื้ดเยื้อยาวนานมากขึ้นกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันเป็นผลจากสาเหตุของวิกฤติภาวะ “โลกเดือด” ที่รุนแรงเลยธงกับคำว่า “โลกร้อน” ไปแล้ว พร้อมกับกระตุ้นเตือนให้ทางการของประเทศต่างๆ หามาตรการคลายวิกฤติโลกเดือดดังกล่าวให้บรรเทาเบาบางลงไป