วันที่ 19 ก.ย.67 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี นางสาวกนกวรรณ แสงอรุณ เป็นโจทก์ฟ้องนางสาวเซปิง กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550, พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525, พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 จากกรณีร่วมกันประกอบธุรกิจโครงการศัลยกรรมเฟซออฟ

นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า กรณีที่นางสาวกนกวรรณ แสงอรุณ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวเซปิง กับพวกรวม 4 คน ตั้งแต่ปี 2562 ล่าสุดศาลได้ตัดสินว่านางสาวเซปิง ต้องรับโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา รวมถึงนายบทมากร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ด้วย ส่วนบริษัท เอ็ม เอฟ เซอร์เจอรี่ เซ็นเตอร์ จำกัด และนายกมล โดนโทษปรับคนละ 50,000 บาท และมีโทษจำคุก 6 เดือนฐานโฆษณาเกินจริง โดยให้รอลงอาญามีกำหนดโทษ 2 ปี เนื่องจากคุณหมอถือเป็นอาชีพแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือและน่าจะทำประโยชน์ได้ ให้โอกาสปรับตัวรวมถึงมีโทษน้อย ซึ่งเคารพคำตัดสินของศาล 

นายภิญโญภัทร์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน เนื่องจากอยู่ในช่วงโควิดและฝ่ายโจทก์อยู่ต่างประเทศ ในคดีนี้มีนางสาวกนกวรรณฟ้องเพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกคดีที่อยู่ในศาลซึ่งจะมีการสืบพยานในปี 2568 และยังมีผู้เสียหายที่รอการดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตามศาลได้วินิจฉัยว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่ตัวแทนนายหน้า มันเกินเลยกว่าความเป็นตัวแทนนายหน้า ซึ่งศาลได้ลงโทษในฐานฉ้อโกง,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึงการโฆษณาเกินจริง โดยในคดีนี้ถือว่าโทษสูงที่สุด ส่วนที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องเพียงคนเดียวฐานฉ้อโกงประชาชนเพราะเป็นการใช้สื่อออนไลน์ในการเผยแพร่ ศาลได้หยิบยกในส่วนนี้มาทำให้ชัดเจนและเป็นข้อกฎหมายที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้ แม้จะมีผู้เสียหายเพียงคนเดียวก็ตาม