สทนช.เป็นผู้แทนไทยประชุม Asean-MRC Water Security Dialogue ครั้งที่ 2 สนับสนุนความร่วมมือภูมิภาคอาเซียน ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง โดยทุกประเทศต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง พร้อมประชุมทวิภาคีร่วมกับเมียนมาและ สปป.ลาว เพื่อกระชับความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.67 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เข้าร่วมการประชุม Asean - MRC Water Security Dialogue ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ Sustainable Investment for a connected, Resilient and Water - secure Southeast Asia ในฐานะรัฐมนตรีและผู้แทนประเทศไทย ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะผู้แทนไทย ได้แก่ นางพัชรวีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ สทนช. นายชุมลาภ เตชะเสน ผู้ช่วยเลขาธิการ สทนช. และดร.วินัย วังพิมูล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สทนช. รวมทั้งผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและพันธมิตรความร่วมมือสากล ร่วมประชุม เมื่อวันที่ 18 ก.ย.67 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว พร้อมกันนี้ ได้เข้าร่วมการประชุมทวิภาคีกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและการประชุมทวิภาคีกับ สปป.ลาว ในวันเดียวกันด้วย

เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุม Asean - MRC Water Security Dialogue ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีและประสบการณ์ในการรับมือกับแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านน้ำ และการบริหารจัดการภัยพิบัติ ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคแม่น้ำโขงและอาเซียน รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการจัดการกับความมั่นคงด้านน้ำอย่างจริงจัง ซึ่งในฐานะผู้แทนประเทศไทย ได้ร่วมแสดงจุดยืนด้านความมั่นคงด้านน้ำของไทย โดยกล่าวถึงความท้าทายที่ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติด้านน้ำ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยเหตุการณ์น้ำท่วมในแม่น้ำโขง ประเทศสมาชิกแม่น้ำโขงจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง รวมทั้งต้องการการสนับสนุนจากพันธมิตรอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนประเทศในภูมิภาคอาเซียนและประเทศสมาชิกในลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ คณะผู้แทนจากประเทศไทยได้ประชุมเพื่อหารือความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำร่วมกับเมียนมา และ สปป.ลาว ตามนโยบายของรัฐบาล โดยสำหรับการประชุมทวิภาคีกับเมียนมา ได้หารือประเด็นสำคัญเร่งด่วนด้านความร่วมมือชายแดนไทย - เมียนมา เพื่อบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนบริเวณน้ำสาย - น้ำรวก และขอความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันเพื่อติดตั้งสถานีวัดระดับน้ำในพื้นที่ต้นน้ำในเขตของเมียนมา การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยร่วมกัน การขุดลอกลำน้ำพรมแดนที่ตื้นเขินที่เกิดจากตะกอนทับถมจำนวนมากจากเหตุการณ์อุทกภัย เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ

โดยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชะลอน้ำ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนเพื่อควบคุมน้ำในช่วงน้ำหลาก การอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ โดยการใช้มาตรการ Nature-based solution เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว ทั้งนี้ เมียนมายินดีให้การสนับสนุนและรับประเด็นเพื่อเสนอรัฐบาล รวมทั้งเห็นชอบในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป

ขณะที่ในส่วนของการประชุมทวิภาคีกับ สปป.ลาว ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการระหว่างไทย - สปป.ลาว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการและการแจ้งเตือนภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแม่น้ำโขงให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การบริหารจัดทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เป็นการบริหารจัดการในลักษณะกลุ่มลุ่มน้ำ ซึ่งประเทศไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้กับ สปป.ลาว เพื่อให้เกิดประโยชน์และครอบคลุมทั้งลุ่มน้ำโขง โดยสำหรับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย - สปป.ลาว คาดว่าจะมีการลงนามร่วมกันในการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Council – MRC Council) ภายในเดือน พ.ย. นี้ พร้อมทั้ง ได้มีการเสนอโครงการร่วมวิจัยชุมชน (Joint Community Research) ระหว่างไทยและ สปป.ลาว เพื่อส่งเสริมอาชีพและการปรับตัวของชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ ช่วยเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับประชาชนริมฝั่งน้ำโขงของทั้งสองประเทศอีกด้วย

#สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #น้ำท่วม