จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่ 1 มกราคม-วันที่ 8 กันยายน 2567 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้วรวม 24.17 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวจีนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 4.89 ล้านคน รองลงมาคือ มาเลเซีย 3.36 ล้านคน และอินเดีย 1.4 ล้านคน ขณะที่ตลาดในประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม ในหลายพื้นที่ ดังนั้นการเข้ามารับตำแหน่งของ นายสรวงศ์ เทียนทอง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงต้องเร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย ซึ่งถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยมีเป้าหมายในการผลักดันรายได้รวมจากการท่องเที่ยวไทย อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายการทำงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ผลักดันท่องเที่ยวและกีฬาสู่ระดับโลก
ซึ่ง นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในเป้าหมายที่ 3 ล้านล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปี 2567 ที่ยังงมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทั้งอีเวนต์ใหญ่ต่างๆ อาทิ ลอยกระทง เคานท์ดาวน์ การแข่งขันกีฬาที่สำคัญระดับโลก รวมถึงเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นน่าจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่จะผลักดันการท่องเที่ยวและกีฬาไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก ทั้งวางแผนระยะเร่งด่วนและระยะยาว ซึ่งในด้านการท่องเที่ยวจะเน้นการอำนวยความสะดวกเรื่องการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ การกระจายรายได้ไปยังจังหวัดท่องเที่ยวรองที่ ผ่านแคมเปญต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชน นอกจากนี้ ยังเน้นการผลักดัน Soft Power ของประเทศไทย และสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกในประเทศ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้มหาศาล
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพและผู้สูงอายุ เนื่องจากเชื่อว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านการบริการที่เป็นเลิศ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมหรือ low Carbon tourism และการสนับสนุนโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ดำเนินการด้านนี้ พร้อมพิจารณาการปรับปรุง MOU ที่ล้าสมัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง
ส่วนนโยบายด้านกีฬา ในด้านการกีฬา กระทรวงฯ มุ่งพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยในทุกระดับ ตั้งแต่กีฬาพื้นฐานและกีฬามวลชน เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและส่งเสริมนักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ การใช้วิทยาศาสตร์การกีฬามาเพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะอยู่บนพื้นฐานเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะพบกับประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร
จัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้จ่ายให้ถี่ขึ้น
โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การเชื่อมต่อนโยบายเดิมจาก Ignite Thailand ที่มีด้าน Ignite Tourism Thailand เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศอยู่แล้ว ซึ่งในด้านเป้าหมายรายได้ภาคการท่องเที่ยวในปีนี้นั้น เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ทำให้นักท่องเที่ยวมีการระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นทางททท.จึงพยายามจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้จ่ายให้ถี่ขึ้น แม้ยอดการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปจะลดลง แต่เมื่อเพิ่มความถี่แล้วอาจจะมีการกระจายรายได้สู่พื้นที่อื่น ๆ ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์น้ำท่วมที่มีปัญหาในบางพื้นที่อยู่ในขณะนี้ได้รายงานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า กระทบการท่องเที่ยวไม่มากนัก กล่าวคือ กระทบในบางพื้นที่เท่านั้น โดยได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก
โดยในส่วนของ ททท.จะมีการประเมินหลังสถานการณ์น้ำลดแล้วเป็น 3 ระดับ 1.ผู้ได้รับผลกระทบแต่พร้อมกลับมาดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวได้เลย 2.ได้รับผลกระทบและต้องมีการปรับปรุงธุรกิจสักระยะ และ 3.ได้รับผลกระทบและต้องปิดกิจการ ซึ่งในระดับ 1 และ 2 ได้เตรียมให้ ททท.สำนักงานต่าง ๆ พิจารณาจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือนำอินฟลูเอนเซอร์ลงพื้นที่เพื่อยืนยันว่าพื้นที่นั้นไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนสถานประกอบการที่พร้อมให้บริการจะมีการจัดทำขายแพ็กเกจราคาพิเศษให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ พร้อมยืนยันพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลักยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และไม่มีนักท่องเที่ยวตกค้างในพื้นที่
ด้านของกีฬานั้น ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.ได้รายงานถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ คือการเรียกความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนกลับมา หลังจากที่ประเทศไทยถูกยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์
อีกทั้งยังต้องระดมกำลังในการเตรียมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ในปีหน้า รวมถึงเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกด้วย นอกจากนี้จะมีการเสริมทัพให้กับนักกีฬา ด้วยการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาของนักกีฬาปกติ ที่ จ.ชลบุรี และศูนย์ฝึกแห่งชาติของนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการกู้ความเชื่อมั่นจากสมาคม และสมาพันธ์กีฬาต่างๆ ให้กลับมาเชื่อมั่นในประเทศไทยอีกครั้ง