วันที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น.นายศราวุธ เผ่าพยัฆ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเอกราช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอนุรักษ์สืบสานการรำกลองยาว เพื่อให้สภาเด็กและเยาวชนได้ให้ความสนใจการรำกลองยาวซึ่งเป็นการแสดงพื้นที่บ้านของภาคกลาง ประกอบกับในพื้นที่ตำบลเอกราชเป็นหมู่บ้านทำกลองแห่งเดียวในประเทศที่มีการผลิตกลองที่ใช้ในวงดนตรี และใช้เป็นของที่ระลึกซึ่งเป็นอัตลักษณ์พื้นถิ่น เพื่อเป็นการสืบสานมรดกทางภูมิปัญญาโดยผ่านกระบวนการเรียนการสอน โดยเริ่มจากเด็กและเยาวชนในพื้นที่โรงเรียนวัดเอกราช (ประชารัฐนุกูล)
สำหรับการรำกลองยาว มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น เถิดเทิง เทิ่งบองกลองยาว สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นการเล่นของพวกทหารพม่าในสมัยที่มีการต่อสู้กันปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา และเข้าใจว่าคนไทยนำมาเล่นในสมัยกรุงธนบุรี เพราะจังหวะสนุกสนานเล่นง่าย เครื่องดนตรีก็คล้ายของไทยและจังหวะก็ปรับมาเป็นแบบไทย ๆ เพื่อประกอบการรำ แต่การแต่งกายยังคงคล้ายรูปแบบของพม่า เช่น โพกหัวแบบพม่า นุ่งโสร่ง เสื้อคอกลมแขนกว้าง แต่บางครั้งจะพบแต่งกายตามสบาย โอกาสที่แสดงนิยมในงานรื่นเริง เช่น ขบวนแห่นาค ขบวนแห่ผ้าป่า กฐิน งานฉลอง ขบวนขันหมาก ผู้รำร่วมก็จะแต่งกายตามสบาย แต่จะนิยมประแป้งพอกหน้าให้ขาว ทัดดอกไม้ เขียนหนวดเครา แต้มไฝ ลีลาท่าทางอาจจะแปลกพิสดารที่ทำให้ชวนหัวเราะ ยั่วเย้ากันเองในหมู่พวกหรือคนดู และบางครั้งก็อาจไปรำต้อนคนดูเข้ามาร่วมวงสนุกไปด้วย ผู้รำจะมีทั้งชายและหญิง ส่วนพวกตีเครื่องประกอบจังหวะก็จะทำหน้าที่ร้องและเป็นลูกคู่ไปด้ว