“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*…

 ส้มตะแคง แดงชนะ ที่พิษณุโลก ศึกลือกตั้งซ่อมสส.เขต1เมืองสองแคว  ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ  “บู้” จเด็ศ จันทรา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 35,230 คะแนน เหนือ “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ จากพรรคประชาชน ได้ 28,486 คะแนน ห่างกัน 6,744 คะแนน…*…

 “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคส้มคนใหม่ ยังสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่ได้ ทั้งที่ขนทัพหลวง มี “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่บินกลับมาช่วยหาเสียง แต่ยังไม่สามารถรักษาพื้นที่เอาได้ ย่อมเสียหายในเชิงจิตวิทยาและอาจถูกนำไปขยายผลที่กระทบต่อคะแนนนิยมของพรรค …*…

 ขณะที่พรรคเพื่อไทยสามารถล้มแชมป์เก่าลงได้ และปักธงเป็นครั้งแรกของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่เคยได้ สส.ในเขต 1 พิษณุโลกมาเลย เป็นเวลา 20 ปี แม้จะเป็นรัฐบาลมาแบบทุลักทุเล และมีเสียงวิจารณ์ต่างๆ  งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับ “แม่ทัพ”สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ที่บริหารจัดการยอดเยี่ยม เป็น “บับเบิล” ให้ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ต้องลงมาเสี่ยง…*…

 แต่ที่น่าสนใจก็คือ  “พลังส้ม” หายไปถึงหมื่นคะแนน  เนื่องจาก เมื่อย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งปี 2566 “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ของพรรคก้าวไกลเจ้าของพื้นที่เดิม ที่โดนสอยจาก สส.ไปพร้อมกับยุบพรรคก้าวไกล ได้40,842 คะแนน …*…

สาเหตุหลักน่าจะมาจากปัจจัยเรื่อง ที่ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ทำให้คนาใช้สิทธิน้อยกว่าเดิม จากการเลือกตั้งปี 2566 ที่คนมาใช้สิทธิ 70% ส่วนรอบนี้ 54%  แค่ที่หายไปก็ไม่ใช่ว่า จะเลือกส้ม …*…

เพราะในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยได้คะแนนไปเพียง 18,180 คะแนน นั่นหมายความว่า พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเพิ่มมา 17,050 คะแนน หมายถึงพรรคเพื่อไทยก็มีคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิม นั่นเพราะเป็นการเลือกตั้งแบบ ตัวต่อตัว ทำให้ไม่มีพรรคอื่นมา “ตัดคะแนน” …*…

ส่วนพรรคประชาชน ต้องถอดบทเรียน การหาเสียงแห่ศพยุบพรรคก้าวไกล  อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะประชาชนทั่วไป เขารู้แล้วว่า ยุบพรรคก็ตั้งใหม่ได้ เอาคนไปฝังตัวพรรคใหม่ครบเวลาตามกำหนดอีกต่างหาก ที่สำคัญคือ “ยกเพดานสูง” ไปสู้กับฟ้า  ไม่ต่างอะไรกับ “ถ่มน้ำลายรดตัวเอง”…*…

ส่วนเวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง แม้จะประคบประหงมคุณหนูนายกฯ “อิงค์” อย่างไร สุดท้าย นายกฯก็ต้อง  “เล่นจริง เจ็บจริง” ไม่มี “สแตนด์อิน”  แม้จะเชื่อว่า หัวใจนางสิงห์นักสู้ มีอยู่ใน DNA แต่ หัวอกคนเป็นแม่ อย่าง “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จะทนเห็นลูกเดินลุยไฟได้นานแค่ไหน หลังนักร้องออกมาร้องกันระงม ทำลายสมาธิและเขย่าขวัญถึงเส้นทางเสี่ยงคดีในอนาคต …*…

 แต่ประสา ทักษิณ ชินวัตร สู้สุดใจ นอกจากเตรียมหักด่าน สู้กลับด้วยสารพัดกลวิธี ยังเสริมโหงวให้ลูกสาว อิมพอร์ตซินแสมาจากต่างแดน ปรับฮวงจุ้ยห้องทำงานนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้า หวังให้ต่านทานมรสุมการเมืองได้ตลอดรอดฝั่ง ...*...

ที่มา:ศรพระราม (17/9/67)