สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( สำนักงาน กปร. ) มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)  ร่วมสนองงานในโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามพระราชดำริสู่เยาวชน ประจำปี 2567

นางศศิพร ปาณิกบุตร ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ. จันทบุรี เมื่อวันก่อนว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ มาจัดทำสื่อการเรียนการสอนสู่เยาวชนในโรงเรียนบริเวณพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) และเยาวชนที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับองค์ความรู้จากผลสำเร็จการพัฒนาของศูนย์ศึกษาฯ  สู่การปฏิบัติใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างและยั่งยืน

“ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นพื้นที่ที่สอง โดยมีครู อาจารย์ จากโรงเรียนต่างๆ เข้ารับการอบรมและศึกษาดูงานภายในศูนย์ศึกษาฯ โดยครั้งแรกดำเนินการในเขตพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ จ.ฉะเชิงเทรา และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีเกิดการเรียนรู้ที่สามารถน้อมนำไปปฏิบัติได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม” นางศศิพร ปาณิกบุตร กล่าว

ทั้งนี้คณะครูได้ร่วมเรียนรู้องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริจากสื่อรถโมบาย ที่สนับสนุนโดยบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และฐานการเรียนรู้ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ประกอบด้วย การเพาะและอนุบาลสัตว์น้ำชายฝั่ง การเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล แปลงรวบรวมสายพันธุ์หญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติ การศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน การสาธิตระบบการปลูกพืชในที่ดินใกล้ชายฝั่งทะเล (ด้านการเกษตร) และการเลี้ยงสัตว์แบบลดต้นทุน เพื่อนำไปจัดทำเป็นสื่อการเรียนการสอนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต่อไป

นางกัญญารัตน์ สุนทรา รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เผยว่า คณะครูจะได้ดูผลสําเร็จของงานวิจัยที่พัฒนาต่อยอดสู่การปฏิบัติได้จริง เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสาหร่ายผักกาดทะเลประเภทต่างๆ เช่น  กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เวชสำอาง สเปรย์แอลกอฮอล์ เซรั่มบำรุงผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เส้นบะหมี่ ข้าวเกรียม ที่สร้างรายได้ให้ชุมชน กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมากในปัจจุบัน

“ศูนย์ศึกษาฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถถ่ายทอดสู่การปฏิบัติใช้ได้อย่างหลากหลาย นับตั้งแต่ การประมง ป่าไม้ปศุสัตว์ งานวิชาการเกษตร เมื่อนําความรู้เหล่านี้ถ่ายทอดสู่โรงเรียนจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงประโยชน์จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของเด็กนักเรียนและคุณครูได้เป็นอย่างดี” นางกัญญารัตน์ สุนทรา กล่าว

ด้าน นางสาวจรูญศรี แจบไธงสง รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า โครงการฯ นี้เป็นการต่อยอดและขยายองค์ความรู้ตามแนวพระราชดําริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปสู่เยาวชน เพื่อให้เยาวชนนําไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน โดยสพฐ.มีหน้าที่ในการพัฒนานักเรียนให้มีองค์ความรู้ มีทักษะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดีของสังคม

“คุณครูที่เข้ารับการอบรมและศึกษาดูงานจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่แต่ละคนรับผิดชอบ พร้อมออกแบบกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนได้มีทักษะและกระบวนการคิด ควบคู่กับการฝึกวินัยให้เด็กนักเรียนมีความรับผิดชอบ เกิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีทักษะที่ดีในการเรียนรู้และดำเนินชีวิต” นางสาวจรูญศรี แจบไธสง กล่าว

ส่วน นายอาณัติ ชุมเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมท่าแคลง จ.จันทบุรี ผู้เข้าศึกษาดูงาน เผยว่า เบื้องต้นจะนําองค์ความรู้ไปใช้ในการฝึกอบรมให้นักเรียนได้รู้ถึงงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากนั้นจะจัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนนำไปประยุกต์ใช้ เช่น การทำแปลงผักอินทรีย์ การแปรรูปอาหารจากพืชผักที่ปลูก เป็นต้น

“รู้สึกโชคดี ที่มีศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ซึ่งเป็นต้นทุนในการพัฒนาเรียนรู้ของเยาวชนได้เป็นอย่างดี เช่น เกษตรทฤษฎีใหม่ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนพระบรมราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการสืบสานรักษาต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจารกพระราชดำริ นับเป็นแนวทางที่มีคุณค่า สามารถทำให้ผู้คนในท้องถิ่นมีรายได้มีอาชีพที่ดี” นายอาณัติ ชุมเจริญ กล่าว