ดับฝัน “ตาอยู่” ทร. “บิ๊กอ้วน” เซ็นโผทหารแล้ว ส่งนายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ยัน “บิ๊กดุง” แข็ง ยันชื่อ ”บิ๊กแมว“ เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ไม่ยอมเปลี่ยน จับตา ”พรบ.กลาโหม-บอร์ด 7 เสือ กห.” เป็นเกราะกำบังการเมือง และเอื้อกองทัพ สืบทอดอำนาจ ตท.24 ยังจ่อคิวคุมกองทัพ “บิ๊กหนุ่ย” ข้าม นั่ง รองปลัดกห.จ่อ เป็นปลัด กห. กย.หน้า "บิ๊กหยอย" ข้ามจ่อนั่ง ผบ.ทหารสูงสุด ลุ้นปมคอเขียว-คอแดง
มีรายงานว่า หลังจากส่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับหลังฟังการแถลงเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) รุ่น66 เสร็จแล้ว พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ลงนามร่วมกันไว้แล้วให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหมได้ดู และหารือกันก่อนที่จะลงนามในคำสั่ง เพื่อเตรียมส่งให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้า ฯ
ทั้งนี้ หลังจากที่นายภูมิธรรมได้พูดคุยกับปลัดกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาที่กระทรวงกลาโหม โดยเป็นการประชุม บอร์ด7 เสือกลาโหม อีกครั้ง นั้น โดยที่พลเรือเอกอะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังคงยืนยันชื่อบิ๊กแมวพลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ที่จบนายเรือเยอรมัน ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ตามที่ได้เสนอมาตั้งแต่ต้น โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ว่าจะถูกสมาชิกในบอร์ด7 เสือกลาโหม ท้วงติง และมีกระแสต้านภายในกองทัพเรือก็ตาม
โดยก่อนหน้านี้การประชุมบอร์ดเสือกลาโหมในยุคนายสุทินคลังแสงเป็นหลักกลาโหมจนมาถึงประชุมบอร์ดเจ็ดเสือกลาโหมครั้งแรกในยุคนายภูมิธรรมเมื่อ 12 กันยายนที่ผ่านมาพลเอกอดุซึ่งร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอลก็ยังคงยืนยันชื่อพลเอกจิรพลเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่
โดยจะส่งผลให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือยุคใหม่เลยที่ผู้บัญชาการทหารเรือจบจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายเรือสมุทรปราการ หรือนายเรือสามสมอ ถือเป็นการแหวกม่านประเพณีที่นับจากนี้ไป จะทำให้เกิดธรรมเนียมใหม่คือ ไม่ว่าจบโรงเรียนนายเรือไทย หรือต่างประเทศ ก็เป็นผู้บัญชาการทหารเรือได้
รวมถึงไม่ต้องผ่านตำแหน่งหลัก เช่นที่เคยผ่านมา เช่นต้องเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำต่างประเทศ และต้องเป็นผู้บังคับหน่วยสายกำลังรบทางเรือ ถือเป็นการสร้างธรรมเนียมปฏิบัติใหม่ให้กับกองทัพเรือ
ส่งผลให้บอร์ด 7 เสือกลาโหม ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมปี 2551 ถูกมองว่าเป็นเกราะกำบังการเมืองไม่ให้ล้วงลูกแทรกแซงกองทัพได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหาก ผบ.เหล่าทัพไม่ยินยอมก็ไม่มีใครมาบังคับได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เป็นการเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจในกองทัพของฝ่ายทหารเองด้วย
ขณะที่พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก (ตท.26) ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่
ส่วนที่น่าจับตามองคือ บิ๊กหยอย พลเอกอุกฤษฏ์ บุณตานนท์ ผู้ช่วยผบ.ทบ.เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามไปกองบัญชาการกองทัพไทย คาดว่า เป็นเสนาธิการทหาร เพื่อเตรียมจ่อคิว รอเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไปต่อจากพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดีที่จะเกษียณราชการ 30 กันยายน 2568
นอกจากนี้บิ๊กหนุ่ย พลเอกธราพงศ์ มะละคำ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เตรียมทหารรุ่น 24 อีกคนถูกส่งข้ามไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมจ่อเป็นปลัดกลาโหม คนต่อไป ต่อจากพลเอกสนิธชนก เพื่อนเตรียมฐาน 24 ที่จะเกษียณราชการ 30 กันยายน 2568
โดยพลเอกธราพงศ์ ยังเป็นนายทหารคอแดงที่ถูกจับตามองว่าหากในปีหน้ายังคงเป็นทหารคอแดง อยู่ก็จะทำให้เป็นทหารคอแดงคนแรกที่ได้เป็นปลัดกลาโหม แต่อาจมีแนวโน้มว่าเมื่อออกจากกองทัพบกแล้ว อาจจะถูกถอดคอแดง ออกจาก ฉก.ทม.รอ.904
เช่นเดียวกับพลเอกกฤษฏ์ ใน 1 ปีนับจากนี้อาจมีการถูกคัดตัวให้ไปฝึกหลักสูตรคอแดง เพื่อเตรียมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 3 ก็เป็นได้ หรือหากไม่ได้ไปฝึก ก็จะยังคงเป็นทหารคอเขียวต่อไป และจะทำให้ไม่มีธรรมเนียมที่ว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะต้องเป็นทหารคอแดงเท่านั้น แต่ทหารคอเขียวก็ขึ้นได้ เพื่อเป็นการลดปัญหาความแปลกแยกในกองทัพที่ทหารคอเขียวส่วนใหญ่ ในกองทัพไทย ถูกทหารคอแดงจากกองทัพบก ตัดหน้าเสียบยอดเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาแล้ว 2 คน
#ข่าววันนี้ #โผทหาร #ผู้บัญชาการทหารเรือ #กลาโหม #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ผู้บัญชาการทหารบก