วันที่ 17 กันยายน 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลการประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 9 – 15 กันยายน 2567 เบื้องต้นพบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวในหลายกลุ่มตลาดกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 19.31 จากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short haul) ที่เดินทางเข้ามา 502,733 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.48 รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแตะระดับ 5 ล้านคน
โดยมีปัจจัยจากการมีวันหยุดในหลายประเทศ อาทิ วันหยุดต่อเนื่องในวันชาติมาเลเซีย วันหยุดในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในจีนและเกาหลีใต้ วันหยุดในวันผู้สูงอายุในญี่ปุ่น วันหยุดทางศาสนาในอินเดียและอินโดนีเซีย เป็นต้น ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้ ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 636,932 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 103,081 คน หรือร้อยละ 19.31 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 90,990 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย (152,739 คน) จีน (107,268 คน) อินเดีย (39,809 คน) เกาหลีใต้ (37,480 คน) และญี่ปุ่น (27,913 คน) โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย และจีน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 77.30 ร้อยละ 42.78 ร้อยละ 27.75 ร้อยละ 18.03 ร้อยละ 10.30 ตามลำดับ
สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดต่อเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออก การมีวันหยุดต่อเนื่องในวันสำคัญทางศาสนาในบางประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบิน
สําหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้
โดยข้อมูล ณ วันที่ 16 ก.ย. 67 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.ย. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 24,810,988 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,162,419 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (5,002,975 คน) มาเลเซีย (3,517,586 คน) อินเดีย (1,442,978 คน) เกาหลีใต้ (1,316,895 คน) และรัสเซีย (1,119,768 คน)