วันที่ 17 ก.ย.67 นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ระบุว่า...
ผมได้รับบัญชาสั่งการจากท่านนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ลงพื้นที่ จ.ชุมพร ตรวจสอบการลักลอบสวมสิทธิ์ทุเรียนเถื่อนและทุเรียนชุบสารแคดเมียม โดยผมจะนำกำลังหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และกรมจัดหางาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ลงพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียน
ทั้งนี้ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ นำทีมใหญ่บุกชุมพรครั้งนี้ เป็นข่าวใหญ่ที่น่าติดตาม เพราะทุเรียน เป็นผลไม้ไทยอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก หนึ่งในประเทศที่นำเข้าทุเรียนจากไทยเป็นจำนวนมากก็คือ ประเทศจีน สำหรับการส่งออกทุเรียนไปจีนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 15 ก.ย.2567 ไทยส่งออกทุเรียนไปแล้ว 755,437 ตัน มีมูลค่าถึง 100,041 ล้านบาท การส่งออกทุเรียนไปยังจีนจึงถือเป็นรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจของไทย
แต่ในปี 2567 นี้ ทางจีนได้มีรายงานการแจ้งเตือนการตรวจพบการปนเปื้อน “แคดเมียม” ในทุเรียนไทยที่ส่งออกไปจีน โดยได้มีการแจ้งเตือนมาตั้งแต่ 11 มี.ค. 2567 จนถึงปัจจุบันมีการแจ้งเตือนแล้ว จำนวน 6 ครั้ง จากผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ 12 ราย และแหล่งผลิตจำนวน 15 สวน จำนวน 16 ล็อต
เกิดอะไรขึ้นกับทุเรียนไทย!! เราไม่เคยเจอทุเรียนปนเปื้อนแคดเมียมในปริมาณที่เกินค่ามาตรฐานที่ทางการจีนกำหนด ที่ 0.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ก่อนหน้านี้ทางกรมกักกันสัตว์และพืชของศุลกากรแห่งชาติจีนก็ได้มีการส่งเอกสารเตือนไปยังสถานทูตเวียดนามในจีนระบุว่ามีการตรวจพบทุเรียนนำเข้าจากเวียดนามถึง 77 ล็อต มีการปนเปื้อน “แคดเมียม” เกินกำหนด และเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค จีนจึงระงับการนำเข้าทุเรียนจากโรงงานบรรจุภัณฑ์ 15 แห่ง และสวนผลไม้ 18 แห่งในเวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2567 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ยังได้เปิดเผยอีกว่า "การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นตรวจสอบการลักลอบสวมสิทธิ์ทุเรียนเถื่อนและทุเรียนชุบสารแคดเมียม เป็นการลงพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบทั้งหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และกรมจัดหางาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ลงพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียน หากพบการลักลอบนำเข้าทุเรียนต่างประเทศ เพื่อมาสวมสิทธิทุเรียนไทยเพื่อส่งออก ถือเป็นการทำลายคุณภาพและภาพลักษณ์ทุเรียนไทย จึงต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกลุ่มที่ปลอมแปลงหรือสวมการใช้ใบรับรอง GAPให้เป็นคดีอาญาเพราะถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารทำอย่างจริงจัง โดยเพิ่มความเข้มงวดและบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิด เพราะทุเรียนที่จะส่งออกจีนได้ต้องได้ ขึ้นทะเบียน GAP ที่สำคัญ ปัญหาทุเรียนปนเปื้อนแคดเมียมจะต้องไม่เกิดขึ้น ใครทำผิด ผมไม่เอาไว้แน่นอน"