วันที่ 17 ก.ย.2567 เวลา 09.45 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ยังมีอยู่ เรายังไม่ตัดโอกาสนั้น อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาการอภิปรายเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่สมัยประชุมนี้ เนื่องจากโควตาที่อภิปรายนับจาก 1 ปีสมัยประชุม ดังนั้น ในสมัยประชุมถัดไปนับตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ก็ยังถือเป็นโควตาเดียวกันอยู่ เรายังไม่ได้ปิดโอกาสนี้ ซึ่งคงต้องดูสถานการณ์ เราก็เข้าใจว่าหากมีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้น ก็อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาก่อน เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมค่อยเปิดอภิปรายก็ได้ เราไม่ได้ล็อกเอาไว้ว่าภายในเมื่อไหร่ แต่ดูสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสม
เมื่อถามว่าปัจจัยการยื่นอภิปรายจะคล้ายกับสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่ ที่เป็นการอภิปรายแบบไม่ลงมติ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะอภิปรายแบบไม่ลงมติหรือไม่ไว้วางใจ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ข้อมูลว่าจะนำไปสู่การไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ เรายึดจากเนื้อหาสาระเป็นหลัก
เมื่อถามว่าในเรื่องข้อมูล ฝ่ายค้านโดนวิจารณ์ว่าไม่ตั้งใจทำหน้าที่ เมื่อเทียบกับสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากเทียบกัน 1 ต่อ 1 ระหว่างสมัยพล.อ.ประยุทธ์ สมัยนายเศรษฐา และสมัยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื้อหาการอภิปรายเรามีมากขึ้น ตนคิดว่าเราไม่ควรเอาการอภิปรายนโยบายไปเทียบกับอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นคนละระดับกัน ขอให้รอดูดีกว่าว่าหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาชนมีใบสั่งห้ามพูดบางเรื่องหรือไม่ เช่น เรื่องการครอบงำ นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง และที่จริงแล้วหากลองฟังดีๆ ก็มีคนพูดเรื่องการครอบงำหลายคน ฝั่งนู้นอาจจะไม่สังเกต แต่ตนยืนยันว่าไม่มีใบสั่งมาทางนี้ แต่อาจจะมีใบสั่งมาทางนั้นที่ไม่ยอมให้เราพูดถึงบุคคลบางคน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนได้รับการประสานว่ามีการเสนอชื่อไปแล้ว คงใช้ระยะเวลาระดับหนึ่งเหมือนกัน