วันที่ 17 ก.ย.67  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยกร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพซึ่งเรากำลังยกร่างอยู่ เข้าใจว่าใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 4-5 มาตรา โดยจะกำหนดกรอบกฎหมายให้มีความชัดเจน ไม่ต้องตีความอะไรมาก ขณะที่ฝ่ายค้านก็กำลังพิจารณายกร่างกฎหมายเรื่องนี้เช่นกัน โดยแต่ละพรรคจะต่างคนต่างยื่นร่างเข้าสภาแล้วจึงไปว่ากันในการพิจารณาของรัฐสภา

“สมมติว่าคุณอ่านรัฐธรรมนูญ ไม่มีพฤติกรรม ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ทราบว่าตีความอย่างไร จึงอยากกำหนดให้หากใครถูกร้องหรือระหว่างถูกฟ้องในชั้นศาลว่าฝ่าฝืนจริยธรรม ซึ่งจะทำให้การตีความชัดเจนขึ้น” นายชูศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องร้องเรียนหรือชี้มูลว่าฝ่าฝืนจริยธรรมแล้ว จะถือว่ายังไม่มีความผิดใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะการร้องไปที่ ป.ป.ช. ยังไม่รู้ว่าเขามีความผิดแล้วหรือยัง ดังนั้น ถ้าจะสกัดกั้นด้วยวิธีการนี้ก็เป็นเรื่องง่ายๆ คือมีคนไปร้องป.ป.ช. ก็จะทำให้คนที่ถูกร้องได้รับผลกระทบและจบเลย

เมื่อถามว่า แสดงว่าเส้นตัดที่จะพิจารณาว่าใครเข้าข่ายขัดจริยธรรมหรือไม่ซื่อสัตย์สุจริต คือศาลฎีกาต้องรับฟ้องในคดีจริยธรรมใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราคิดเช่นนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่สังคมมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้นักการเมืองเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราคิดว่าเราไม่ได้ประโยชน์อะไร และเราก็ระมัดระวังไม่ให้เป็นการแก้เพื่อประโยชน์ตัวเอง พรรคเพื่อไทยจึงขอแก้แค่พอดีๆ ให้มีเกณฑ์มาตรฐานรับได้ ไม่ใช่เราไปยกเลิกเขาทั้งหมด และต้องการแก้ไขให้เกิดความชัดเจน ทำให้การปฎิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้การบริหารประเทศลำบาก ซึ่งเรามองว่ามีความจำเป็นไม่ใช่ทำเพื่อให้เราได้รับประโยชน์ และเพื่อให้บ้านเมืองมีกฎหมายที่เป็นธรรมยุติธรรมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ผู้สื่อข่าวถามถึงการแก้ไขประเด็นเสียงข้างมากของรัฐธรรมนูญในการลงมติเรื่องสำคัญ เช่นการยุบพรรคหรือเอาคนออกจากตำแหน่ง จะต้องใช้เสียงข้างมากเด็ดขาด แทนการใช้มติเสียงข้างมากธรรมดา นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเช่นกัน โดยความคิดเรื่องสำคัญใหญ่ๆ ใช้เสียงข้างมากธรรมดาทั่วไป ยกตัวอย่างกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พ้นจากตำแหน่งด้วยมติ 5-4 เสียง ซึ่งเราก็ใช้วิจารณญาณคิดดูว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ควรหรือไม่ จึงมีแนวความคิดว่าให้มติมากขึ้นหน่อยดีหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กับเรื่องจริยธรรมจะทำไปพร้อมกัน ส่วนการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่าเร็วที่สุดอาจจะภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าทำในนามพรรคการเมืองไม่ใช่รัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญจะทำแต่การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาผิดนักร้องนักยื่นตรวจสอบนั้น มีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนจะทำให้เข้มขึ้นหรือไม่ก็ต้องมีการพิจารณาต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องที่หวังผลทางการเมือง แต่ขอยืนยันว่าขณะนี้มีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้อยู่แล้ว