วันที่17ก.ย.67-นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า...

ใครขอให้เขมรปล่อยคุณวีระ สมความคิด

 ไม่รู้ใครไปทวงบุญคุณกับคุณวีระ สมความคิด เป็นหนักเป็นหนาว่า คสช. เป็นผู้เจรจากับเขมรให้ปล่อยตัวคุณวีระ สมความคิด ซึ่งคุณวีระ สมความคิด อ้างผมเป็นพยานว่าเป็นผู้บอกคุณวีระ สมความคิด ให้ขอบคุณรัฐบาลจีน 
ดังนั้นวันนี้ขอทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏชัดเจน 
 1. คุณวีระ สมความคิด ถูกเขมรจับไปจากดินแดนไทย และไปติดคุกอยู่ในเขมรร่วม3 ปี 6เดือน
หลัง คสช. ยึดอำนาจราว 2 เดือน คุณวีระก็ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งยังมีการอ้างกันอยู่ว่า คสช. หรือใครเป็นผู้เจรจากับเขมรให้ปล่อยคุณวีระ สมความคิด
 2. ผมเป็นคนแจ้งคุณวีระ สมความคิด เองว่าให้ขอบคุณรัฐบาลจีน 
ก็เพราะว่าช่วงหลัง คสช. ยึดอำนาจ ได้มีกรรมการอาวุโสของสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศ ภายใต้กองทัพจีนเดินทางมาเมืองไทย ซึ่งพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธได้ออกมาต้อนรับ ในระหว่างที่หารือกันอยู่นั้น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ บอกฝ่ายจีนว่ามีคนไทยถูกเขมรจับ คือคุณวีระ สมความคิด ทำให้มีการพูดจากระทบกระทั่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-เขมร ซึ่งไม่เป็นผลดี ประกอบทั้งแม่ของคุณวีระ สมความคิด  ได้ไปหาที่บ้านขอให้ช่วยเจรจา ขอให้มีการปล่อยตัว โดยมีนายสมาน ศรีงาม ลูกศิษย์อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร อดีตกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ไทยเป็นผู้พาไป ดังนั้นจึงขอให้ทางฝ่ายจีนช่วยพูดจากับทางเขมรเพื่อให้ปล่อยตัวคุณวีระ สมความคิดด้วย 
กรรมการอาวุโสของสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนผู้นี้ เป็นผู้ประสานงานระหว่างจีนกับเพื่อนบ้าน รวมทั้งไทย และกัมพูชาด้วย ฝ่ายจีนก็รับคำว่าจะพยายามประสานงานให้ 
ต่อมาก็มีการปล่อยตัวคุณวีระ สมความคิด 
ซึ่งทางฝ่ายจีนได้แจ้งมาทางผมก่อนแล้วว่า ผู้ใหญ่จีนฝ่ายทหารซึ่งสนิทกับท่านฮุนเซน จะช่วยเจรจาเรื่องนี้ จากการพูดของฝ่ายจีน ในขณะนั้นผมเข้าใจว่าเป็นพลเอกสูไช่โฮ่ว ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการทหารของกองทัพจีน เป็นรองของท่านประธานสีจิ้นผิง คือผู้เจรจาเรื่องนี้
3หลังจากคุณวีระ สมความคิด ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ไม่นานก็มีผู้ใหญ่ของสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนมาประเทศไทยอีก ซึ่งพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธก็ให้การต้อนรับ ที่สำนักงานธรรมนิติ อีก 
ผมก็ได้ตามคุณวีระ สมความคิด มาร่วมและบอกให้ขอบคุณฝ่ายจีน 
คุณวีระ สมความคิด ก็มาร่วมงานต้อนรับและได้ขอบคุณฝ่ายจีน
เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ไม่เห็นจะหนี้บุญคุณอะไรต่อกัน ซึ่งตอนนั้นก็ทราบกันว่าผู้ใหญ่ฝ่ายทหารของจีนซึ่งสนิทกับท่านฮุนเซนเป็นผู้เจรจาเรื่องนี้ ซึ่งท่านฮุนเซนก็เกรงใจ ทางฝ่ายจีน และเกรงใจพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ จึงได้ปล่อยตัวคุณวีระ สมความคิด ส่วนคนอื่นใครจะช่วยเจรจาหรือไม่ ผมไม่ทราบ 
บริษัทจีนที่ได้งานก่อสร้างสนามบินเสียมเรียบในเขมรนั้น ความจริงก็เป็นบริษัทภายใต้สมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศดังกล่าวนี้นี่เอง เขาจึงมีความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ
 4ความจริงท่านฮุนเซนก็สนิท และนับถือพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธมาก สมัยหนึ่งพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้รับโควตานักเรียนทุน จากกองทัพสหรัฐฯ ให้ทหารไทยไปเรียนวิชาทหารที่โรงเรียนนายร้อยเวสปอยล์ 2 คน 
ทางกัมพูชาทราบเรื่องนี้จึงให้ท่านเตียบัญ รัฐมนตรีกลาโหม มาเจรจากับฝ่ายไทยขอแบ่งโควตาให้เขมร 1 ที่นั่งเพื่อให้ลูกชายท่านฮุนเซนไปเรียน พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เห็นว่าเป็นเหตุที่จะผูกใจสร้างไมตรีกับเขมรและคาดว่า ลูกชายท่านฮุนเซนจะเป็นใหญ่ในภายหน้า ก็จะเป็นทางไมตรีกันระหว่างสองประเทศ และสองกองทัพ จึงยกโควตาให้เขมรไป 1 ที่ คนไทยที่ไม่เข้าใจความคิดก็รุมกันด่าพลเอกชวลิตว่าขายชาติ ขายกระทั่งทุนการศึกษาของทหารในกองทัพให้กับเขมร
ความจริงไทยไม่ได้เสียหายอะไร เพราะไทยได้ทุนให้ทหารที่ไปเรียนที่ โรงเรียนนายร้อยเวสปอยล์แล้วหลายคน ถึงจะแบ่งให้เขมรไปสักคนก็ไม่เป็นไร 
ต่อมาก็เป็นไปตามที่พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ คาดหมาย คือลูกชายท่านฮุนเซน ดังกล่าว คือพลเอก สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นนายทหารกัมพูชา ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสปอยโดยได้รับแบ่งทุนการศึกษาในครั้งนั้น จาก กองทัพไทย ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของเขมร 
ทำให้ทั้งสองประเทศ และสองกองทัพมีไมตรีที่แน่นแฟ้นจนทุกวันนี้
นี่แหละที่เขาว่า นกกระจอกไม่เห็นพญาครุฑบิน เพราะโผทยานทีเดียวก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
5 ในโอกาสที่ท่านฮุนมาเนตได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านฮุนเซ็น ยังคงล้ำลึกถึงไมตรีเรื่องนี้ ก็ได้ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุด ของเขมร ให้กับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และได้ให้ท่านเตียบัญ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้เป็นบิดาของรัฐมนตรีกลาโหมปัจจุบัน เชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังกล่าว พร้อมของขวัญและเงินสดจำนวนมากมามอบให้กับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธด้วย
นี่แหละที่โบราณท่านสอนว่า การสร้างไมตรีมีผลมากในระยะยาว กินใช้ไม่รู้จักหมด