วันที่ 16 ก.ย.67 ที่กระทรวงกลาโหม  นายภูมิธรรม  เวชยชัย   รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเปิดใจหลังเข้ากระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการ  ว่า ได้มีการพูดคุยกับสำนักง่นปลัดกระทรวงกลาโหม   และผู้นำเหล่าทัพ รู้สึกเป็นเกียรติ  และถือเป็นเกียรติยศอย่างสูงสุดของตนที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับเหล่าทัพ  ถือเป็นเป็นกระทรวงซึ่งมีความสำคัญในการดูแลความมั่นคงของประเทศ ซึ่งตนได้บอกกับผู้นำเหล่าทัพว่าไม่ได้คิดว่าจะต้องมาทำสิ่งใดที่สร้างความไม่สบายใจ  หรือสร้างความแตกแยกในกองทัพ  แต่อยากมาร่วมงานและมีส่วนในการพัฒนากองทัพให้เข้มแข็งและทันสมัย เท่าทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ 

จากการรับฟังภารกิจของกองทัพ สิ่งต่างๆที่ตนได้คิดมา  เห็นว่าจริงๆ  กองทัพทำอยู่แล้วเกือบทุกอย่าง   ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพกองทัพด้วยเทคโนโลยี การลดกำลังพลทุกระดับ   แต่ทุกอย่างไม่ได้เสร็จสิ้นภายในคืนเดียว   ต้องมีระยะที่เปลี่ยนผ่าน    ซึ่งตนได้กำหนดนโยบายไว้ว่า จะทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา  ซึ่งจะนำมาปฏิบัติร่วมกับเหล่าทัพ  เพื่อให้สอดรับกับสิ่งที่เป็นอยู่และแก้ปัญหาได้

ส่วนการพัฒนาประสิทธิภาพกองทัพ ได้เห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น เพราะโลกทุกวันนี้ใช้เทคโนโลยีการต่อสู้  กองทัพก็จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีเหล่านี้  ช่วยปกป้องดูแลอธิปไตยของชาติ 

ส่วนเรื่องกำลังพล คิดว่าการสร้างกำลังสำรอง หรือการเกณฑ์ทหาร   ตนเห็นด้วยว่ากองทัพก็รู้สึกเช่นกัน   จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านและปรับให้มีความเหมาะสม กับความต้องการของประเทศ  ตรงนี้ตนก็ได้ศึกษาระบบของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่สามารถทำได้ประสบความสำเร็จ ก็จะให้เหล่าทัพช่วยดูให้สอดรับกัน   เชื่อว่านโยบายนี้จะสามารถทำได้เพราะไม่มีอะไรขัดแย้งกัน  เพียงแต่จัดการให้เหมาะสมกับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า หลังรับตำแหน่งยังขอไม่ไปเยี่ยมเหล่าทัพ แต่จะไปเยี่ยมทหารผ่านศึก ที่ประสบภัยจากการสู้รบในการปกป้องประเทศก่อน เช่น  องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก  โรงพยาบาลทหารผ่านศึก  ซึ่งอะไรก็ตามที่จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานนี้  ตนจะผลักดันเต็มที่  จากนั้นค่อยไปเยี่ยมเหล่าทัพ ไปกรมทหารช่างของเรา  เหล่าทัพต่างๆรวมถึงหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพไทย  โดยอยากเห็นศักยภาพการทำงานและแผนงานที่ชัดในการช่วยเหลือประชาชน