วันที่ 16 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 มี นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ชนะนายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ จากพรรคประชาชน ด้วยคะแนนที่ค่อนข้างทิ้งห่าง ได้ส่งสัญญาณให้เห็นได้ว่าประชาชนเริ่มที่จะหันมาให้ความนิยมพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เพิ่มมากขึ้น และนับเป็นชัยชนะที่ติดต่อกันมาหลายสนามแล้ว ตั้งแต่สนามนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ในหลายๆจังหวัด จนมาถึง การเลือกซ่อม ส.ส.เขต 1 ที่เมืองสองแควพิษณุโลก เสมือนหนึ่ง “ลมที่เริ่มเปลี่ยนทิศ” นับจากปี 2566 ที่พรรคประชาชน(ปชน.) หรือพรรคก้าวไกล เดิม หรือพรรคสีส้ม ชนะการเลือกตั้งสนามใหญ่ (ส.ส.)โดยได้รับความนิยมสูงสุด แต่ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จนต้องให้พรรคเพื่อไทย มาเป็นแกนนำรัฐบาล เพราะการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น นายกฯอบจ.
ล่าสุด ระดับ ส.ส. พรรตจากขั้วอนุรักษ์นิยมใหม่ เข้าวินทุกสนาม และเป็นชัยชนะที่ค่อนข้างมีคะแนนทิ้งห่าง เช่นที่จังหวัดราชบุรี สนาม อบจ. ที่พรรคประชาชน ขนแกนนำยกขบวนการช่วยผู้สมัครหาเสียงแบบเต็มทีม ก็ยังแพ้ให้กับบ้านใหญ่เมืองโอ่ง จ.ราชบุรี และล่าสุด ยังมาพ่ายแพ้ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่เมืองสองแคว พิษณุโลก อีก ทำให้สะท้อนไปถึงหมากกระดานที่เหลือต่อไปว่าพรรคประชาชน จะมีแนวนโยบายหรือรูปแบบใดมาต่อสู้ในสนามการเมืองท้องถิ่น
โดยเฉพาะ อบจ. ที่กำลังจะมาถึงในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา 4-5 สนาม ได้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าพรรคอนุนักษ์นิยมใหม่ หรือกลุ่มบ้านใหญ๋ในแต่ละจังหวัด ได้เริ่มยึดพื้นที่คืนแล้ว ด้วยกลยุทธการต่อสู้แบบ “รวมกันเราชนะ” โดยส่งผู้สมัครที่เห็นว่า ดีที่สุด แข็งที่สุด พร้อมที่สุด เพียงหนึ่งเดียว เพื่อไปสู้กับพรรคประชาชน หมากกระดานที่พิษณุโลก ที่ผลออกมาพรรคเพื่อไทยชนะ ในวันนี้ ย่อมส่งผลสะท้อนไปถึงทุกสนามในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น รวมไปถึงสนามการเมืองใหญ่ ส.ส.ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพราะถ้าการเลือกตั้งออกมาแนวๆนี้ เชื่อได้เลยว่า “บ้านใหญ่ อนุรักษ์นิยมใหม่” กลับมายึดคืนทุกพื้นที่ทุกสนามอย่างแน่นอน