วันที่ 14 ก.ย. 2567 นาย​อนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ ​รองนายก​รัฐมนตรี ​และ​รมว.​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัม​พัน​ธ​รัตน์​ อธิบดี​กรม​การปกครอง​ นายพรพจน์ เพ็ญพาส​ อธิบดีกรมที่ดิน​ และน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล​ โฆษกกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์​น้ำและเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จ.หนองคาย​ โดยเครื่องบินส่วนตัวไปยังท่าอากาศยานอุดรธานี​ 

 

โดยก่อนเดินทางลงพื้นที่​ นายอนุทิน​ ให้สัมภาษณ์ว่า​ สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดหนองคาย มีปริมาณน้ำสูง​ 1.40 เมตร​  และท่วมในพื้นที่​ 5 อำเภอ​ เกิดจากปริมาณน้ำโขงสูงขึ้นจากการไหลมาจากจังหวัดเชียงราย และหากมีฝนมาเติม​ จะทำให้มีน้ำท่วมสูงขึ้นอีกประมาณ​ 20-30 เซนติเมตร​ ก็จะทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าในพื้นที่ตัวเมือง โดยการลงพื้นที่จ.หนองคาย ในวันนี้จะดูถึงแนวทางการป้องกันและเยียวยาประชาชน​ในพื้นที่ว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง​ และถึงแม้ว่าประเทศจีนและลาวจะปล่อยน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำโขง​ แต่ความสามารถในการระบายน้ำจะสามารถระบายยังระบายได้ดี ไม่เหมือนแม่น้ำสายเล็ก ที่มักจะมีสิ่งกีดขวาง ติดเกาะติดแก่ง ติดถนน ติดสะพาน​ ดังนั้น หากไม่มีการระบายน้ำจากจีนและลาว หรือพายุเข้ามาเติมปริมาณน้ำ ก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ไม่เกินความสามารถ

 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนการเตรียมแผนรับมือการอพยพ ประชาชนในพื้นที่​ หากเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกับในพื้นที่จ.เชียงรายนั้น เรื่องทรัพยากรเครื่องมือ​ เครื่องจักร​  อุปกรณ์​ และอาหาร ไม่มีปัญหา​ เนื่องจากมีการเตรียมระดมไว้อยู่แล้ว และการจัดเตรียมสถานที่พักพิง​ ซึ่งอยู่ในแผนเผชิญเหตุของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด​ โดยมีการเตรียมแผนอพยพ ประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมามีการประชาสัมพันธ์​ แต่ไม่ได้ติดตาม ตรวจสอบแต่ละบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะให้ประชาชนออกจากบ้านเรือน เนื่องจากมีทรัพย์สินอยู่ในบ้าน ซึ่งถ้าไม่ถึงอยู่ในจุดที่ประชาชนอยู่ไม่ได้จริงๆจึงจะออกมา ตรงนี้ต้องจัดหาสถานอพยพที่อยู่ใกล้บ้านหรือสามารถมาดูแลบ้านได้ และที่สำคัญผู้ว่าราชการจังหวัด​ นายอำเภอ​ และอาสาสมัคร ต้องจัดเวรยามดูแลทรัพย์สินเพื่อให้ประชาชนนั้นมั่นใจ

 

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จ.เชียงรายจะทำให้ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นหรือไม่​ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปบอกว่าง่าย ไม่มีอะไรง่าย แต่จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเหตุผลในการทำความเข้าใจกับประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดของต้องรักษาชีวิตของประชาชนก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจประชาชน ไม่ต้องการรักษาทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องทำให้เกิดความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่ได้มากที่สุด เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเข้มงวดกวดขัน

 

“ยืนยันว่า​ ทุกพื้นที่จังหวัดมีการเตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี รวมถึงการระดมความช่วยเหลือก็มีความพร้อมเช่นกัน แต่สิ่งที่กังวลปัจจุบันคือปริมาณน้ำ” นายอนุทิน กล่าว

 

เมื่อถามถึงการเยียวยาประชาชนหลังสถานการณ์น้ำเข้าสู่ปกติ เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือว่าน้อยมาก เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการแก้ไขระเบียบให้เหมาะสม รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย​ กล่าวว่า คำว่าเยียวยามันบอกอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ไม่ใช่การชดใช้ เชื่อว่าจากการที่น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.เชียงราย​ วานนี้​(13 ก.ย)​ ก็ได้เร่งอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือทันที ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่​ เชียงราย จังหวัดละ 100 ล้านบาท​ และยังมีการสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังไปดูแนวทางการเยียวยาบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายควรออกมาในรูปแบบใด​ โดยขอให้ไปหารือกับสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ​ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

 

“ยืนยันว่า​กระทรวงมหาดไทยให้ความมั่นใจกับประชาชน เพราะเมื่อมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ผู้ว่าราชการจังหวัด จะมีงบฯทดรองจ่าย​ เพื่อใช้ในการดูแลช่วยเหลือประชาชน และหากงบฯดังกล่าวหมด สามารถขอเพิ่มได้ ซึ่งจะเร็ว เพราะถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน” นายอนุทิน กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของนายอนุทินและคณะ จะเดินทางไปยังโครงการชลประทานหนองคาย เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่​/ ก่อนที่จะเดินทางไปยังตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย​ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ประสบอุทกภัย มอบถุงยังชีพ จำนวน 350 ถุง สภากาชาดไทย 200 ถุงและของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ​  ป​ภ.​ อีก​ 150 ถุง จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุหล้าหนอง อำเภอเมือง​ จังหวัดหนองคาย​ เพื่อ ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยและมอบถุงยังชีพจำนวน​ 450 ถุง​ สภากาชาดไทย 200​ ถุง​ เทศบาลหนองคาย​ 100 ถุง  และ​ ปภ.​ 150 ถุง ก่อนเดินทางกลับกทม.