"พร้อมพงศ์ยื่น ปปช. ตรวจสอบคลิปสนทนาคล้ายเสียง"ลุงบ้านป่า" จี้ตรวจสอบเอาผิดฐานเรียกรับเงิน-ผิดจริยธรรมร้ายแรงนักการเมือง เตรียมยื่น กกต.-ปปง. สอบด้วย ด้าน อนุทินบอกเห็นใจ ลุงป้อม มองไม่ใช่เสียง AI ระบุเป็นเรื่องไม่ดี ดิสเครดิตทางการเมือง ขณะที่ ทายาทรัตนเศรษฐโบกมือลาป่ารอยต่อ

     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ในรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ว่า ภายหลังที่ฟังคลิปแล้วยังไม่ได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบันเลย เพราะไม่ให้ความสำคัญเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว พูดตั้งแต่สมัยที่ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนอยู่เลย เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยปีมะโว้ และยังเปลืองพื้นที่สมองจริงๆ ถ้าจะไปคุยเรื่องพวกนี้
   
  นายอนุทิน กล่วาว่า แม้จะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี เพราะจะทำให้นักการเมืองไม่ไว้ใจกัน และก็จะไม่มีใครคุยอะไรกันเลย เมื่อไม่สื่อสารกันความร่วมมือต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้นดังนั้นควรเปลี่ยนค่านิยมเหล่านี้ ให้สังคมตัดสินเอาเองว่าคนที่อัดเทปเป็นคนอย่างไร ส่วนที่มีคนพูดว่าขนาดบ้านป่ายังมีอัดเทป แล้วบ้านจันทร์ส่องหล้าจะเหลืออะไรนั้น ก็ไม่เห็นจะมีผลอะไร ต่อให้มีการอัดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในวันที่มีการประชุมก็ไม่มีการครอบงำหรือชี้แนะ เป็นการพูดคุยระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรี เพราะถูกสั่งให้พ้นจากหน้าที่ไป ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาล 
    
 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ รู้สึกเห็นใจลุงป้อมหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ใช่ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นการเอาสิ่งละอันพันละน้อยมาดิสเครดิตกัน ขนาดผู้สื่อข่าวยังถามว่าเห็นใจลุงป้อมหรือไม่ก็คงรู้สึกเหมือนกัน เพราะสิ่งที่โดนกระทำก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ และเสียงก็ไม่ใช่ AI
   
  ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นเอาผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากกรณีคลิปหลุดที่มีเสียงคล้ายนักการเมืองรายหนึ่ง โดยมีการเผยแพร่จากรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand โดยระบุว่า เสียงคล้าย "ลุง" คนหนึ่ง ที่พูดในลักษณะที่ว่า เป็นรองนายกฯ มานาน และทำความสำเร็จหลายเรื่อง จึงอยากจะขอลองนั่งเป็นเบอร์ 1 ดูบ้าง จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปเสียงจริงหรือไม่ และเป็นการสนทนาระหว่างใครกับใคร
   
  เรื่องนี้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 172, 173 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 รวมทั้งประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีมีคลิปเสียงหลุดเรียกรับเงิน ซึ่งมีการนำมาเผยแพร่ผ่านรายการโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
    
 นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จากคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ออกมามีข้อเท็จจริงปรากฏในการสนทนาระหว่างบุคคลสองคน โดยหนึ่งในนั้นมีเสียงคล้ายพล.อ.ประวิตรพูดคุยกับ "นายโอ๋" ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรี โดยบทสนทนามีพฤติการณ์ทวงถามและเรียกรับเงิน ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดทางกฎหมาย และจริยธรรมนักการเมือง
    
 นอกจากนี้ หากหยิบยกข้อบังคับของพรรคการเมืองในส่วนของพรรคพลังประชารัฐออกมา ก็ยังเป็นเรื่องที่ผิดตามข้อบังคับแบบยอมรับไม่ได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐมีข้อบังคับและระเบียบออกมาชัดเจน เกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ มองว่า นี่เป็นการฝังทั้งเป็นพลเอกประวิตร และเหตุการณ์นี้อาจจะเรียกได้ว่า "ป่าแตก" แล้ว
   
  ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมามีเจตนาหรือมีนัยทางการเมืองแฝงหรือไม่ แต่มองว่าต้องเป็นบุคคลที่เคยมีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร ถึงสามารถนำออกมาปล่อยได้ขนาดนี้ สถานการณ์ตอนนี้ เรียกว่าพล.อ.ประวิตรมี "บริวารเป็นพิษ" อีกทั้งยังมองว่าคนที่ออกมาพยายามแก้ต่างให้พล.อ.ประวิตรออกตัวแรงและพยายามแถ เพราะคลิปที่ตัวเองนำมายื่นให้ตรวจสอบเป็นเพียง 1 ใน 4 คลิป ซึ่งในจำนวน 4 คลิป ยังมีอีก 1 คลิป ที่เป็นลักษณะการพูดคุยเกี่ยวกับการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยท่านหนึ่งออกมายอมรับแล้วว่าเป็นบุคคลในคลิปจริง
    
 ส่วนบุคคลใกล้ชิดที่จะเป็นคนปล่อยคลิปเสียงนี้ออกมามีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับตระกูล "รัตนเศรษฐ" ที่ตอนนี้ทยอยลาออกจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนในวันพรุ่งนี้ตนจะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. และในวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. จะไปยื่นหลักฐานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐถึงกรณีที่มีอดีตส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ อย่างครอบครัวรัตนเศรษฐ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และส.ส.นครราชสีมา ลูกชาย นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วเช่นกัน โดยจะเหลือนายวิรัชเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยื่นใบลาออก ซึ่งจากการสอบถามไปยังนายวิรัช เจ้าตัวกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ยังมีเวลาพิจารณาอยู่
   
  โดยช่วงก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่า นายวิรัชได้มีดีลลับกับแกนนำพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ถึงการเตรียมส่งนายอธิรัฐลูกชายคนโตลงสมัครนายกอบจ.นครราชสีมา ที่จะครบวาระในวันที่ 20 ธ.ค.67