วันที่ 12 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา162 ต่อเวลา 17.05 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เคยมีการผิดสัญญาไปแล้ว 1 ครั้งที่ไม่สามารถส่งมอบนโยบายได้ ดังนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรใช้โอกาสในการแถลงนโยบายครั้งนี้ กอบกู้ความเชื่อมั่น และศรัทธาประชาชนให้คืนมาว่า 3 ปีจากนี้ รัฐบาลจะทำอะไรเพื่อประชาชน และด้วยวิธีการอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่เมื่อตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธารแล้วกลับพบว่า นโยบายไม่แตกต่างจากนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้คำกว้าง ๆ เช่น การส่งเสริม สนับสนุน และเร่งรัด แต่ไม่บอกขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน เช่นเดียวกับการกำหนดเป้าหมายของรัฐบาล มองว่ายังไม่มีความชัดเจน

โดยเฉพาะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เว้นเพียงได้เห็นคำว่า “เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม” ที่รัฐบาลน่าจะมองเห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งการศึกษา, อาชีพ พร้อมยังชมเชยคำแถลงนโยบายรัฐบาลของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีตัวชี้วัดในคำแถลงนโยบายอย่างชัดเจน เช่น การพักหนี้เกษตรกรอย่างน้อย 3 ปี, จำนำข้าว 15,000 บาท เป็นต้น แต่ในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร กลับไม่มีการระบุ ทำให้ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้

น.ส.ศิริกัญญา ยังข้อสงสัยต่อนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่เคยระบุ หรือดำเนินการมาในรัฐบาลนายเศรษฐาว่า มีความเลือนรางและจาง และยังมีข้อสงสัยว่า จะดำเนินการต่อหรือไม่ ทั้งการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี, ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท, เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี, รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และโดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต ที่รายละเอียดในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลหายไป จึงทวงถามรัฐบาลว่า ประชาชนจะยังคงได้เงิน 10,000 บาทหรือไม่ 

“ทำไมนโยบายถึงมีความคล้ายคลึงกับการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานเนชั่นทีวี ดินเนอร์ทอล์คเมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า มีความตรงกันถึง 11 นโยบาย จาก 14 ประเด็นวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ที่เหมือนระดับ Mirror AAA Plus เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ, การดึงเม็ดเงินจากเศรษฐกิจใต้ดิน ซึ่งมีความเหมือนกันจนตนเองเชื่อว่า น่าจะมีปัญหาถึงความรับผิดรับชอบว่า สรุปแล้วใครเป็นคนกำหนดนโยบายตัวจริง และจะต้องเชื่อใครเป็นต้นทาง ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การประชุมคณะรัฐมนตรี อาจเป็นเพียงพิธีกรรม เพราะเรื่องสำคัญ ๆ อาจถูกตัดสินใจมาแล้วจากที่อื่น และทำให้ไม่ทราบได้ว่า สุดท้ายแล้วใครคือตัวจริง

ดังนั้น จึงอยากเห็นนายกรัฐมนตรี ที่สามารถสร้างความเชื่อถือ สร้างความมั่นใจกับประชาชนได้ว่า จะสามารถดำเนินนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้เองจริง จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงรายละเอียดโครงการ และนโยบายต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพราะต้องการเห็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นดาวฤกษ์ ส่องสว่างได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นดวงจันทร์” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว 



น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ผลงานของพรรคเพื่อไทยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีข้อมูลที่ปรากฏใน Infographic ที่พรรคเพื่อไทยเผยแพร่มานั้น ถือเป็นผลงานด้วยหรือ? เช่น การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่เป็นงานประจำของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, การประกาศแก้หนี้ใน-นอกระบบครบวงจร ที่เป็นเพียงการประกาศ แต่ดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้น รวมถึงมาตรการที่หมดอายุไปแล้ว ทั้งการลดราคาพลังงาน, ราคายางพาราที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี แต่กลับไม่มีนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ถึงรากหญ้า นอกจากนี้ยังต้องการความชัดเจนของรัฐบาลในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยแถลงจะแบ่งจ่าย 2 งวด และในวันที่ 15 กันยายนนี้ ก็จะครบกำหนดวันลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์แล้ว และรัฐบาล จะใช้เงินจากแหล่งใด และจะแจกเป็นเงินสด หรือจะยังคงแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ต และจะแจก 10,000 บาทหรือไม่ พร้อมแนะนำให้รัฐบาล ได้ตั้งสติต่อโครงการเรือธงของรัฐบาล และเชื่อว่า น่าจะมีมือที่มองไม่เห็น คอยสั่งการว่า จะดำเนินนโยบายให้ได้ ทั้งที่ไม่ทราบกฎหมายที่เปลี่ยนไปในรอบ 20 ปี และไม่ทราบฐานะการคลังของประเทศ จนกลายเป็นการเมาหมัด จ่ายตามที่เท่ามีเงิน หรือแจกเป็นเงินสด และไปตายเอาดาบหน้า

“จนสุดท้ายไม่เหลือความเชื่อมั่น พร้อมยังโทษฝ่ายค้าน ที่ทำให้โครงการต้องเปลี่ยนไปมา ทั้งที่สิ่งที่ฝ่ายค้านนำเสนอ เป็นข้อเท็จจริง และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ทั้งการไม่สามารถกู้เงินได้, การใช้งบประมาณข้ามปีผ่านการลงทะเบียนของประชาชน จนสุดท้ายมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และไม่มีใครกล้าปล่อยให้เสี่ยงผิดกฎหมายอีก จนทำให้ 1 ปีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา เป็นการสูญเปล่า และพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ก็ได้อ่อนไปพร้อมกับความเชื่อมั่นของรัฐบาล ขอแนะนำให้รัฐบาลกลับมาให้ความสำคัญกับการปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้ศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศเติบโตตามที่คาดหวัง และพิสูจน์น้ำยา หรือศักยภาพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว