วันที่ 12 ก.ย.67 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  เพื่อยื่นเอาผิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นเจ้าพนักงานรัฐ กระทำผิดรัฐธรรมนูญในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผิดกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 172 ,173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงหลุด“เรียกรับเงิน” ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ทางรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่อง 9 MCOT เมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 โดยขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาไต่สวน ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงนักการเมืองดำเนินคดีฐานเรียกรับเงิน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ออกมา ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการสนทนาระหว่างคน 2 คน โดยคนหนึ่งมีเสียงคล้ายพลเอกประวิตรพูดคุยกับนายโอ๋ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนายชัยวุฒิ เป็นพฤติการณ์ทวงถามและเรียกรับเงิน ถือเป็นการกระทำที่ผิดทั้งทางกฎหมายและจริยธรรมนักการเมือง พลเอกประวิตรในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะต้องประพฤติตนโดยถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด

นายพร้อมพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่า “เงิน” ที่พลเอกประวิตรทวงถามจาก “นายโอ๋” ไม่ได้เป็นนิติกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีมูลหนี้ใดๆต่อกันจริง จึงส่อว่าเป็นเงินที่ไม่มีมูลหนี้อันชอบด้วยกฎหมายที่พลเอกประวิตรจะมีสิทธิทวงถามตามกฎหมายและ“นายโอ๋”ต้องชำระหนี้ตามกฎหมาย

“เงินดังกล่าว จึงส่อไปในลักษณะที่เป็นเงินหรือของกำนัลที่ได้รับจากแหล่ง หรือบุคคลที่กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายมาย” นายพร้อมพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ตามมาตรา 173 เจ้าพนักงานรัฐผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงสี่แสนบาท