หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่  11 ก.ย.2567  เมื่อรัฐมนตรีหลงอำนาจ ก็ขาดสติสัมปชัญญะ ...*...

มาถูกที่ถูกเวลา คือ ดัชนีราคา ตลาดหุ้นไทย ที่ ยังทะยานพุ่งขึ้นไปยังไม่หยุด ล่าสุดวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นไทยยังทะยานไปต่อ 3.49 จุด ขึ้นไปแตะที่ 1,431.13 จุด จาก แรงซื้อของนักลุงทุนต่างชาติ ที่ เข้ามาไล่ซื้อหุ้นไทย ตั้งแต่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา คาดการณ์กันว่า ต่างชาติจะยังคงไล่ซื้อหุ้นไทยต่อไป ทำให้ทะลุแนวต้าน 1,450 จุด แบบม้วนเดียวจบ ...*...

หุ้นไทยมาไกลเกินคาด ไม่ใช่เพราะต่างชาติมั่นใจการบริหารประเทศ ของ รัฐบาลอิ๊งค์ 1 เนื่องจาก รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงาน แต่พออนุมานได้ว่า นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล ที่ มีเสียงสนับสนุนท่วมท้น 319 เสียง แม้จะเป็นนามธรรม แต่ก็เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ...*...

แต่ที่ เป็นรูปธรรมให้เห็น ที่นี่ บารอน มองไปที่ประเด็น การส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง และที่แน่ๆ ญี่ปุ่นยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0 %  สองประเด็นนี้ ทำให้เงินทุนไหลออก  เป็นช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลงมามาก เงินทุนต่างชาติจึงไหลเข้า เพราะให้ผลประโยชน์ตอบแทนมากกว่า เป็นจังหวะเวลา รัฐบาลอิ๊งค์ 1 จึงมาถูกที่ถูกเวลาไม่เก่งแต่เฮง ...*...

และ ที่เป็นตัวเร่งให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทย คือ นโยบายกระทรวงการคลัง ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรัฐมนตรี  ใช้กองทุนวายุภักษ์ 1 เป็นเครื่องมือ ระดมทุน 150,000 ล้านบาท เพื่อ เข้าไปซื้อถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นเหตุให้ นักลงทุนต่างชาติชิงตัดหน้าเข้ามาลงทุน ก่อนที่หุ้นไทยจะขยับขึ้น จากการเข้าไปของกองทุนวายุภักษ์ ไม่ได้เฮง แต่ เก่งครับ ...*...

มองดู นโยบายรัฐบาล ที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไปแถลงต่อรัฐสภา ใน วันพฤหัส 12 และ ศุกร์ 13 นี้ ที่มีเสียงวิจารณ์ว่า เหมือนลอกมาจากนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ประสา บารอน ไม่แปลกใจหรอกครับ เป็นไปตามคำสัมภาษณ์สื่อ ของ ท่านนายกฯอิ๊งค์ ว่า จะสานงานต่อรัฐบาลเศรษฐา จึงต้องใช้นโยบายเดียวกัน มันก็เท่านั้นเอง ...*...

 แต่ ใช้ฤกษ์มังกร วันมังกร ปีมังกร ด้วยเวลา 07.30 น. ของ วันศุกร์ที่ 13 นี้ เป็นฤกษ์ดี ที่ซินแสกำหนดให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าทำเนียบไทยคู่ฟ้า ไปทำบุญใส่บาตร และ เข้าสักการะพระพรหม ศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่นี่ บารอน มองดูดาว ฤกษ์ก้าวเข้าไปทำงาน ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ใน วันจันทร์ที่ 16 นี้ ดูแล้ว เป็นฤกษ์ดีกว่าวันศุกร์ที่ 13 ครับ ...*...

จนได้ เรื่อง 6 พรรคร่วมรัฐบาล ที่ ไปบ้านจันทร์สองหล้า พบกับ นายทักษิณ ชินวัตร คืน วันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ลงมติเลือก นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ถูก นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย ร่วมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา และ ประชาชาติ เป็นการให้ บุคคลภายนอกเข้ามาควบคุม ครอบงำ ที่ บารอน คิดว่า จะไม่มีนักร้องลืมร้องเรียนซะแล้ว ...*...

งานนี้ ต้องชม หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกุล ออกมาถ่วงดุลย์ได้ทันที ในเช้าวันรุ่งขึ้น 15 สิงหาคม ด้วยการ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ระบุว่า ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ ไม่สนับสนุนบุคคลที่เคยมีพฤติกรรมแก้ไข ม.112 ทำให้ พรรคเพื่อไทย โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เพิ่งลัดฟ้ากลับจากเซี่ยงไฮ้กลางดึก เปิดตึกชิน 3 ริมถนนวิภาวดี ขอเชิญ 11 พรรคการเมือง ร่วมประชุมในตอนเย็น ลงมติให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้ เป็นช่องทางรอดจากการยุบพรรค ขึ้นอยู่กับว่า จะมีเหตุผลดีแค่ไหนไปหักร้างคำร้องเรียนยุบพรรค ซึ่ง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนตัว ทั้ง 6 พรรค ถูกยุบพรรคแน่นอน ...*...

เหนื่อยแน่ครับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ที่ไปตรวจงานน้ำท่วม และ นั่งหัวโต๊ะประชุมข้าราชการกรมชลประทาน ที่ จังหวัดชัยนาท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ที่ผ่านมา โดยมี “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ อีก 2 รัฐมนตรีช่วยฯ นั่งขนาบซ้ายขวา โดน หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม เล่นงาน ร้องเรียนว่าเป็น สส.กระทำการใดๆ ก้าวก่าย หรือ แทรกแซง  เพื่อประโยชน์ของตนเอง อันเป็นข้อห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ...*...

 ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อ้างว่า รู้กฎหมายดี ว่า ยังมีฐานะเป็นรัฐมนตรีรักษาการ เพราะ รัฐบาลยังไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่นี่ บารอน ว่า ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะ ความเป็นรัฐมนตรีรักษาการของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สิ้นสุดลงทันที ที่ มีพระบรมราชโองการโปรดกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ใน วันศุกร์ที่ 6 กันยายน เท่ากับว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 ดำรงสถานะ เป็นรัฐมนตรีโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกัน

ที่มา:บารอน (11/9/67)