วธ.ประเดิมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานวัฒนธรรม ก.ดิจิทัลฯตั้งเป้า1แสนคนภายในปีนี้

ที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ(GDCC) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมลงนาม

นางยุพา ปลัดก.วัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.เป็นหน่วยงานราชการแห่งแรกที่ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบบริหารจัดการ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม และพัฒนาระบบราชการไทยให้มีความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดทำฐานข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม เชื่อว่าการขับเคลื่อนการดำเนินงานวัฒนธรรมโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้มีการเชื่อมโยงกระบวนการทำงานภายในของหน่วยงานต่างๆ ของวธ.บนแพลตฟอร์มเดียว จะทำให้การทำงานระบบราชการมีความง่าย สะดวก และรวดเร็ว เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งเรื่องของคนและงานด้วย ทั้งนี้วธ.จะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรทุกสังกัด เพื่อให้มีการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบทะเบียนงานสารบรรณ ระบบร่าง ทาน ตรวจเอกสารและลงนามดิจิทัล ระบบบริหารการประชุม ระบบจัดเก็บ แชร์ไฟล์และคลังข้อมูล ระบบจองประชุมและจองรถและระบบจัดการครุภัณฑ์ เป็นต้น

ศ.พิเศษวิศิษฏ์ ปลัดก.ดิจิทัลฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการปรับราชการให้ไร้กระดาษ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจึงดำเนินการให้มีระบบ e-Office เพื่อเปลี่ยนการทำงานของระบบราชการเป็นการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้วน โดยไม่มีกระดาษเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบ ลดขั้นตอนต่างๆ และลดต้นทุนในการดูแลเอกสาร ระบบนี้ได้ใช้ในกระทรวงดิจิทัลฯ มาร่วม 2 ปีแล้ว ได้ดูแลแก้ไขความบกพร่องต่างๆ จนทำให้มีความมั่นใจว่าระบบจะมีการขยายตัวและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวธ.เป็นกระทรวงแรกๆ ที่เริ่มดำเนินการ จะมีการฝึกอบรมแก่บุคลากรช่วงเวลาเพียง 2 เดือน จะใช้งานอย่างแม่นยำได้ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจะใช้ระบบเดียวกัน จึงเป็นการทำงานอย่างไร้ข้อต่อ มีแผนในปีนี้จะมีการปรับการใช้งานให้ได้ 1 แสนคน จะเห็นการปรับเปลี่ยนการทำงานของราชการไทย ที่เชื่องช้า ใช้เวลามาก มาเป็นการทำงานที่รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เราจะได้เห็นราชการไทย ปรับตัวภายในปีนี้อย่างแน่นอน