กาฬสินธุ์เตือนภัยโรยตะปูเรือใบเกลื่อนถนน คาดเป็นฝีมือคนติดยาในหมู่บ้าน


ชาวบ้านในตำบลบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์โพสต์เตือนภัยหลังมีผู้ไม่หวังดีโรยตะปูเรือใบตามถนนในหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนไปตามๆกัน คาดเป็นฝีมือคนติดยาในหมู่บ้าน
วันที่ 11 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการโพสต์ข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน ซึ่งมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำตะปูที่ดัดให้เป็นลักษณะคล้ายกับตะปูเรือใบ และเศษเหล็กต่างๆมาโรยตามพื้นถนนในหมู่บ้าน โดยระบุข้อความว่า " จับมันได้แล้ว เอาเชือกไปมัดมันไว้นำต้นบักม่วงบัดนิ #หามดแดงส้มไปสั่นกัดหำมันบัดนิ #พากย์จี่ตับมึง #ขุนช้างฮ้างฮัก #คำตอบจากเถียงนาน้อย"ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และมีการแชร์กันเป็นจำนวนมาก


ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นหมู่บ้านโนนสำราญ หมู่ที่ 14 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกับนายสถิตย์ สุวรรณเพ็ชร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อสอบถามชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะทำให้รถที่สัญจรไปมาเหยียบแล้วยางรั่ว
จากการลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนที่ใช้สัญจรในหมู่บ้านพบว่ายังมีเศษตะปูที่ดัดคล้ายๆกับตะปูเรือใบ และเศษลวดตะแกรงพัดลมที่ดัดคล้ายๆตะปูเรือใบยังมีวางอยู่บนพื้นถนนบางส่วน ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะช่วยกันเก็บออกไปแล้วก็ตามแต่ก็ยังหลงเหลืออยู่


จากการสอบถามนางสุภนุช อุปนิ อายุ 50ปี อยู่บ้านเลขที่157 หมู่14 บ.โนนสำราญ ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่และเป็นผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน ได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะในหมู่บ้านได้มีคนไม่ประสงค์ดีนำตะปูที่ดัดคล้ายกับตะปูเรือใบและเศษลวดต่างๆที่ดัดคล้ายกับตะปูเรือใบมาโรยอยู่เต็มพื้นถนนทำให้ชาวบ้านที่ใช้ถนนสัญจรไฟมาได้รับความเดือดร้อน เพราะขับขี่รถไปตามถนนแล้วต้องเหยียบตะปูไม่ต่ำกว่า 2 ดอกขึ้นไป บางรายถึงขั้นต้องเปลี่ยนยางใหม่ทั้งยางนอกและยางในไม่ต่ำกว่าวันละ 3-4 รอบถ้าขับรถเข้าออกบ่อยทำให้เสียเงินอย่างน้อยๆก็คนละ 200-300 บาท เพื่อปะยางรถหนักสุดต้องเปลี่ยนยางไม่เว้นแม้แต่รถเก๋ง และรถกระบะบางรายต้องเปลี่ยนยางใหม่ทั้ง 4 เส้นทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก


ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุชาวบ้านคิดว่าน่าจะเป็นคนในชุมชนเพราะมีคนต้องสงสัย 1 คนที่ชาวบ้านสงสัยแล้วเฝ้าจับตากันอยู่ เพียงแต่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขาและยังไม่มีหลักฐานพอที่จะกล่าวหาแต่พฤติกรรมของชายคนดังกล่าวที่ชาวบ้านสงสัยที่เคยก่อเหตุทุบขวดให้แตกแล้วนำไปโยนใส่นาข้าวชาวบ้าน เผาเถียงนาชาวบ้าน จุดไฟเผากองฟางที่ชาวบ้านเอาไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ เผาก่อไผ่ที่ชาวบ้านปลูกไว้ รวมถึงการดักทำร้ายร่างกายชาวบ้านอีกด้วย


นาง สุภนุช ยังกล่าวอีกว่า สำหรับชายต้องสงสัยที่ชาวบ้านสงสัยนั้นมีพฤติกรรม เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและเคยโดนจับติดคุกมาแล้ว 2 ครั้งเกี่ยวกับคดีวางเพลิงที่เผาเถียงนาชาวบ้านและเผาฟางของชาวบ้านรวมถึงทำร้ายร่างกายชาวบ้านและจากการสังเกตก็พบว่าหลังจากที่ชายต้องสงสัยถูกจับติดคุกไปปัญหารถยางรั่วตะปูเรือใบที่หว่านบนถนนไม่มีในช่วงระยะเวลาที่ชายคนดังกล่าวถูกจับติดคุก แต่หลังจากที่ชายคนดังกล่าวถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากพ้นโทษในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่มีคนนำตะปูเรือใบมาโรยบนพื้นถนนก็เริ่มกลับมาอีกครั้งซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ทั้งเสียเวลา เสียเงินเพื่อปะยางรถหรือบางรายหนักจนต้องเปลี่ยนยางรถวันละ 3-4 รอบไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถเก๋ง รถกระบะที่สัญจรไปมาล้วนแต่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ถึงแม้ชาวบ้านจะช่วยกันเก็บเศษเหล็กเศษลวดที่ถูกโรยตามพื้นถนนทุกวันก็ตามแต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่บนถนนและเรื่องนี้ชาวบ้านก็ได้มีการนำปัญหาแจ้งกับผู้นำชุมชน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลก็ได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบและได้มีการไปสอบถามชายต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนก่อเหตุแต่ชายคนดังกล่าวก็ให้การปฏิเสธ ทางผู้นำชุมชนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากเพราะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนลงมือหรือไม่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ชาวบ้านและทางผู้นำชุมชนของการบริหารส่วนตำบลบัวขาวกำลังหารือเพื่อที่จะหาแนวทางป้องกันแก้ไขและจะช่วยกันหาหลักฐานนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป